ปุยเป็นหมาบางแก้วที่เราไม่ค่อยชอบหน้ามันเท่าไหร่ ด้วยเหตุผลหลักสองประการ ประการแรกคือที่บ้านตั้งชื่อมันซ้ำกับปุกปุยซึ่งเป็นหมาเชาเชาที่เรารักมากและจากโลกนี้ไปแล้ว ประการที่สองคือตอนที่มันย้ายสำมะโนครัวเข้ามา เราอยู่กรุงเทพเป็นหลัก ก็เลยไม่ค่อยผูกพันกันเท่าไหร่ ช่วงที่เราย้ายกลับไปอยู่บ้าน ความสัมพันธ์ของเราเหมือนจะดีขึ้นมาหน่อย เพราะปุยมีท่าวิ่งเหยาะแบบที่หมาน่ารักมักจะทำกัน และยังชอบมานอนแหมะใกล้ๆ เราตอนเรายกคอมไปนั่งเขียนหนังสือข้างนอก อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ของเราก็มีอันต้องจบลงเมื่อเราพบว่าที่มันมานอนแหมะเพราะมันจะหาโอกาสเข้าบ้านมาพร้อมกับเราเพื่อไปหาพ่อเราเท่านั้นเอง วิ่งแทรกตัวเข้ามาทั้งๆ ที่ประตูยังเปิดไม่สุด ราวกับเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแก่งแย่งขึ้นบีทีเอส เราปฏิเสธที่จะหลงกลมารยาหมาตัวนี้อีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว และตั้งใจว่าจะไม่ให้ขาทั้งสองข้างของเราตกเป็นทาสสวาทของมันอีก
เมื่อต้นปีเรากลับไปบ้าน ไปอยู่ใกล้ๆ พ่อที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ปุยจำเราไม่ได้ ก็เลยแยกเขี้ยวใส่ ส่งเสียงคำรามเพื่อบอกให้รู้ว่าสุนัขพันธ์ุบางแก้วนั้นสืบสายเลือดมาจากสุนัขป่า หรืออันที่จริงมันก็จำเราได้น่ะแหละ แต่ว่าสถานะของเราสองตัวเปลี่ยนไปแล้ว แม่บอกให้เราเอาขนมหมาในบ้านไปโยนให้มันกิน เราเอาไปโยนให้ เดินตากแดดออกไปโยนให้ ปุยยังคงมีท่าทีเช่นเดิมและปล่อยขนมทิ้งไว้ให้มดค่อยๆ มาขนกลับไปจัดปาร์ตี้ที่บ้าน เรามองหน้ามัน และเดินกลับเข้าบ้าน ไม่คิดจะถือสาหาความ ไม่ได้โกรธเคืองอะไรกับสัตว์ที่ได้แต่อาศัยบ้านเค้าอยู่แล้วยังไม่รู้สึกสำนึกบุญคุณมีคนเอาอาหารให้กินแล้วก็ยังไม่แดกไม่รู้จักเสียดายอาหารที่แม่เราทำงานอย่างยากลำบากหาเงินซื้อมาถ้าไม่มีกินเมื่อไหร่แล้วอย่ามานึกเสียใจทีหลังก็แล้วกัน
ประมาณหนึ่งอาทิตย์ต่อจากนั้นโยก็มาเยี่ยมพ่อด้วย ถ้าไม่นับผ้าห่มที่เราซักปีละครั้ง โยน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีกลิ่นของเราติดอยู่เยอะที่สุด ปุยจึงทักทายโยด้วยการแยกเขี้ยวใส่ ส่งเสียงคำรามเพื่อบอกให้รู้ว่าสุนัขพันธ์ุบางแก้วนั้นสืบสายเลือดมาจากสุนัขป่า โยที่ซึบซับความจิตใจดีไปจากเราไม่ถือโทษโกรธปุยเหมือนกัน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือโยเชื่อว่าที่ปุยไม่กินขนมหมาเพราะมันไม่ได้อร่อยขนาดนั้น โยจำได้ว่าครั้งก่อนที่มาบ้าน ปุยก็ยังกินขนมหมาที่ซื้อมาให้อยู่เลย เพราะแบบนั้นวันถัดมาโยเลยกลับมาพร้อมกับ JerHigh ขนมที่โยทำการศึกษามาแล้วว่าหมาๆ ชอบ
การเอาอาหารไปให้ปุยของโยก็ดำเนินรอยตามเรา นั่นคือนอกจากจะต้องเดินฝ่าแดดออกไป ยังต้องมาเจอหมาที่ตัวเองกำลังจะเอาขนมไปให้ขู่กรรโชกอีก โยยื่นขนมหมารูปทรงเบคอนไปด้านหน้าปุย ปุยหยุดแยกเขี้ยวทันที เลียปากตัวเองอย่างหิวกระหาย แต่เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่กำลังยื่นขนมให้ก็กลับมาแยกเขี้ยวอีกครั้ง แล้วก็เผลอเลียปากตัวเองอีก พอรู้ตัวก็กลับไปแยกเขี้ยวอีก โยที่จริงๆ แล้วก็ยังกล้าๆ กลัวๆ ตัดสินใจวางขนมสอดใต้ประตูรั้วแล้วเดินถอยออกมา เพื่อให้ปุยตัดสินใจได้ดีขึ้น แทนที่จะต้องมาคอยแยกเขี้ยวสลับกับการเป็นหมาอยากหม่ำแบบนี้ เราแน่ใจว่าขนมของโยจะต้องอยู่เป็นเพื่อนขนมของเราที่โยนเอาไว้เมื่อวันก่อน กลายเป็นของประดับบ้านหมา เป็นหลักฐานแสดงถึงศักดิ์ศรีที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด แต่แล้วปุยก็คาบขนมเบคอนหนีไปทันทีที่โยหันมาคุยกับเรา
ปุยเอาขนมเบคอนไปวางไว้ที่สนามหญ้าใกล้ๆ แล้วหันกลับมามองว่ามีใครแอบมองอยู่หรือเปล่า ซึ่งแน่นอนว่ามี ปุยรอสักพัก เมื่อแน่ใจแล้วว่าการแอบมองจะไม่สิ้นสุดลงแน่ๆ ปุยจึงก้มหน้าเขมือบขนมตรงหน้าด้วยความเอร็ดอร่อย หันหลังให้ เพื่อไม่ให้ดูเสียฟอร์มจนเกินไป หลังจากหม่ำๆ ขนมจนหมด ปุยวิ่งกลับมาที่เดิม โยยื่นขนมชิ้นใหม่ให้ ปุยคาบหนีไปที่สนามหญ้า หันหลังกินขนม วิ่งกลับมาคาบขนมชิ้นใหม่ ทำแบบนี้จนกระทั่งขนมหมดถุง การพยายามผูกมิตรกับปุยของพวกเราในวันนี้จบลงแต่เพียงเท่านี้ เราต่างแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเอง เพียงเพื่อที่จะพบว่าเช้าวันถัดมานั้นปุยยังคงแยกเขี้ยวและคำรามใส่เหมือนคนไม่รู้จักกัน มิตรภาพระหว่างคนกับหมาไม่มีอยู่จริง
คนที่มาบ้านเราน่าจะคิดแบบเดียวกันว่า นอกจากพ่อ แม่ และน้องชายเรา คนที่เหลือล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูของปุย เป็นธรรมชาติของบางแก้วที่จะเชื่องเฉพาะกับเจ้าของเท่านั้น แม้แต่น้องสาวเราที่อยู่บ้านเดียวกับปุยเป็นเวลาหลายปีก็ยังต้องคอยดูว่าปุยถูกปล่อยออกมาข้างนอกหรือว่าโดนขังไว้อยู่ แต่แม้จะโดนแยกเขี้ยวใส่โยก็ยังเอาขนมไปให้มันทุกวัน แต่ละครั้งปุยดูจะลดความไม่เป็นมิตรลงเรื่อยๆ เริ่มจากไม่เสียเวลาหันหลังเพื่อกินแบบแอบๆ พัฒนาไปเป็นการกินมันตรงนั้นไม่เสียเวลาวิ่งไปไกลๆ จนในที่สุดก็ใช้การสั่นหางดีใจเมื่อเจอหน้าโยแทนที่จะแยกเขี้ยว ขนมอร่อยๆ หมดไปแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเท่าไหร่ เพราะโยเปลี่ยนกิจกรรมจากการออกไปให้อาหารปุยเป็นการออกไปเล่นกับปุยแทน
ตลอดหลายวันที่โยมาอยู่บ้าน เราได้เห็นปุยทำพฤติกรรมที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน วิ่งด้วยความเร็วสูงจนขาหลังสไลด์ไปกับพื้น นอนยิ้มตาเยิ้มเหมือนหมาในการ์ตูนตอนที่โดนลูบหน้าอก ซอยขายิกๆ อย่างดี๊ด๊าเวลาจะได้ออกไปเดินเล่น ไปจนถึงการทำสีหน้าที่เหมือนจะบอกว่าอย่ามายุ่งกับเค้าตอนนี้เลย เราไม่รู้ว่าถ้าไม่มีขนมอร่อยๆ โยจะสนิทกับปุยได้ขนาดนี้ไหม แต่เราคิดว่าขนมอร่อยๆ เพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอแน่ๆ จากนี้ปุยจะยังคงถูกขังไว้ในพื้นที่ของมันต่อไปเมื่อมีแขกมาบ้าน เพื่อปกป้องคนอื่นๆ จากการทำหน้าที่หมาเฝ้าบ้านที่ดีเกินไปของมัน คงไม่มีใครกล้าให้คนที่มาบ้านถือขนมไว้เพื่อป้องกันตัวเอง
ถ้าให้เราวิเคราะห์ในฐานะผู้มีประสบการณ์ในการโดนหมาที่บ้านตัวเองขู่เข็ญมาก่อน เราคิดว่าสิ่งที่โยทำกับปุยอาจเป็นเพียงแค่การทำให้มันมีความสุขขึ้น เคล็ดลับของการเป็นที่รักของคนหรือหมาอาจเป็นเรื่องง่ายๆ อย่าง “อยู่ด้วยแล้วมีความสุข” เรื่องขั้นตอนและวิธีการเราไม่แน่ใจเท่าไหร่ อาจแตกต่างกันไปสำหรับหมาแต่ละตัว ช่วงเวลาที่โยมาอยู่บ้านเราสำหรับปุยแล้วไม่ใช่เพียงเวลาของขนมอร่อยเท่านั้น แต่ยังหมายถึงเวลาของการแปรงขน ของการเติมน้ำในโอ่งที่ปุยชอบลงไปแช่ ของการพาไปเดินเล่นทุกเย็น ของการถูกเรียกชื่อด้วยความห่วงใย ของความผิดปกติที่มันน่าจะยินดีให้เกิดขึ้น