Money Well Spent: Monster Hunter Rise Collector’s Edition

Monster Hunter Rise Collector’s Edition เป็นชุดพิเศษของเกม Monster Hunter Rise ซึ่งในชุดประกอบด้วย

  • แผ่น Monster Hunter Rise Deluxe Edition
  • Magnamalo Amiibo
  • ชุดสติกเกอร์
  • เข็มกลัด Kamura Mark


ทั้งหมดนี้เราซื้อมาในราคา 4,250 บาท (ราคาเต็ม 4,590 บาท แต่ใช้โค้ดส่วนลด)

ราคาแผ่น Monster Hunter Rise Deluxe Edition แบบแยกซื้อ อยู่ที่ 2,250 บาท

ราคา Magnamalo Amiibo แบบแยกซื้อ อยู่ที่ 1,990 บาท

อาจคิดได้ง่าย ๆ ว่าราคาชุดสติกเกอร์ เข็มกลัด Kamura Mark และกล่อง Collector ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 350 บาท ถือเป็นราคาที่สมเหตุสมผลสำหรับคนที่เป็นแฟนมอนฮัน แต่ว่าเราไม่ได้อยากได้เข็มกลัด ไม่ได้อยากได้ Magnamalo Amiibo ไม่ได้อยากได้โค้ดของแถมต่าง ๆ ที่มากับแผ่น Deluxe Edition เลย เราอยากได้แค่สติกเกอร์มาติด MacBook

เราจ่ายเงินไป 4,590 บาท แทนที่จะจ่ายเงินซื้อแผ่นปกติในราคา 1,790 บาท จ่ายเงินเพิ่มมา 2,800 บาท เพื่อเอาสติกเกอร์อันเล็ก ๆ มาติดคอมพิวเตอร์

สารภาพว่าพอจ่ายเงินไปก็รู้สึกโหวง ๆ เหมือนกัน จ่ายเงินมากขนาดนี้เพื่อแค่นี้เหรอ อย่างอื่นก็ไม่ได้อยากได้เลย แต่พอมองย้อนไปก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ กลับกันถ้าเราไม่ได้ซื้อชุด Collector มาเราคงเสียใจ เพราะตอนนี้ชุดนี้ก็แทบหาซื้อไม่ได้แล้ว และสติกเกอร์ก็ไม่ได้ขายแยก ไม่ได้มีวิธีอื่นในการได้มา

เรื่องนี้ทำให้เรานึกไปถึงตอนเด็ก ๆ เราเคยซื้อหมูปิ้งไม้ละ ​5 บาทกิน หมูปิ้งเป็นอาหารที่แทบไม่เคยทำให้เราผิดหวัง พอเราซื้อเสร็จเพื่อนเราก็พูดว่ามันแพง ซื้อมาได้ยังไง แถวบ้านเพื่อนขายไม้ละ 3 บาทเอง เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีกหลายครั้งในชีวิต ในรูปแบบที่ต่างกันไป บางครั้งเป็นการดูถูกอาหารที่เราเลือกกินว่ามันไม่อร่อย ที่อื่นอร่อยกว่า

อยากบอกตัวเองไว้ว่าคนเดียวที่จะกำหนดมูลค่าของสิ่งไหนได้ก็คือตัวเราเอง การจ่ายเงินซื้อหมูปิ้งแพงกว่าคนอื่นถ้ามันจะทำให้เรายิ้มกว้างจนน่าอิจฉาก็ไม่เห็นจะผิดอะไร การจ่ายเงินหลายพันเพื่อสติกเกอร์แผ่นเดียวที่เราอยากได้น่าจะเป็นเรื่องดีกว่าการจ่ายเงินหลายพันเพื่อซื้อเสื้อผ้าราคาแพงที่ลดราคาแบบไม่เกรงใจใครแต่เรารู้สึกว่าดีไซน์แบบนั้นน่าจะเอาไปเป็นผ้าปูโต๊ะกินข้าวหมามากกว่า

อาจไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่ยังรวมถึงเรื่องเวลา สิ่งที่เราให้ความสนใจ สถานที่ที่เราเลือกไป

Think for yourself, always.

Money Well Spent: สมุดวาดภาพและดินสอ

เราห่างหายจากการวาดภาพมานานมาก แต่เดิมเป็นคนไม่ชอบศิลปะอยู่แล้ว ตอนเด็กๆ วิชาศิลปะกับพละเป็นวิชาที่พอถึงคาบทีไรก็อยากจะหายตัวไปให้พ้น เป็นสองวิชาที่มักจะเจอครูผู้สอนที่ไม่น่าประทับใจ และเป็นสองวิชาที่ไม่ได้พัฒนาทักษะของนักเรียน เรียนเพื่อให้รู้ว่าตัวเองไม่ได้เก่งไปทุกอย่าง เรียนเพื่อให้รู้ว่าเด็กเรียนมักจะเล่นกีฬาไม่เก่ง และเด็กที่เล่นกีฬาเก่งมักจะเรียนไม่ดี (ซึ่งไม่เป็นความจริง)

แม้เราจะเกลียดวิชาศิลปะแต่การวาดรูปเล่นในหนังสือเรียนก็ยังสนุกกว่านั่งฟังครูสอน ทำให้การวาดรูปเวลาเบื่อๆ ก็ยังติดเป็นนิสัยต่อมา แต่แล้ววันนึงเราก็พบว่าตัวเองไม่ได้วาดรูปอีกเลย แม้จะเป็นการวาดรูปเล่นเวลาเบื่อๆ ก็ตาม สมุดบันทึกที่เคยมีรูปสลับกับตัวหนังสือก็เหลือเพียงตัวหนังสือเต็มหน้ากระดาษไปหมด

เหตุผลนึงที่ทำให้เราเลิกวาดรูปไปเป็นเพราะเรารักความสะอาดมากขึ้น แต่ว่าเราไม่ชอบการทำความสะอาด เราเลยเลือกที่จะไม่สร้างความสกปรกตั้งแต่แรก ซึ่งนั่นรวมถึงการไม่สร้างขี้ยางลบจากการลบดินสอด้วย อีกเหตุผลที่ทำให้เราเลิกวาดรูปไปอาจเป็นเพราะว่ายิ่งเวลาผ่านไปโอกาสที่จะได้เบื่อจริงๆ จังๆ ก็น้อยลงเรื่อยๆ ถ้าเมื่อไหร่มีอุปกรณ์ที่สามารถเข้าอินเตอร์เน็ตได้ก็บอกลาความเบื่อไปได้เลย

เราตัดสินใจกลับมาวาดรูปเพราะเราเจอปัญหาว่าเวลาเขียนเรื่องแต่งแล้วเราไม่สามารถจินตนาการหน้าตาและการแต่งกายของตัวละครได้อย่างสมบูรณ์ พอลองวาดออกมาก็ไม่ได้ดั่งใจ เพราะไม่เคยเรียนทักษะการวาดรูปตั้งแต่แรก เราคิดว่าการฝึกวาดรูปจะทำให้เราวาดภาพตัวละครในหัวได้ดีขึ้น รวมถึงกลับมามองสิ่งรอบตัวได้อย่างชัดเจนขึ้น ไม่ได้มองเห็นแค่ต้นไม้ แต่กลับมามองเห็นสีเขียวหลายเฉดสีของใบไม้แต่ละใบ มองเห็นรอยกัดของหนอน มองเห็นหนามที่โคนใบไม้ มองเห็นมดที่กำลังไต่อยู่บนต้นไม้ มองเห็นความโกรธเกรี้ยวหรือซู่ซ่าของมดแต่ละตัว

เราเริ่มวาดภาพแรกลงในสมุดเล่มใหม่ด้วยความไม่ประทับใจเท่าไหร่ สมุดสเก็ตช์และดินสอราคาแพงไม่ได้ทำให้วาดรูปออกมาได้ดีขึ้น แต่กลับทำให้แย่กว่าที่เคยจำได้ ความคาดหวังในอุปกรณ์ที่ซื้อมาใหม่ไม่ต่างอะไรจากความคาดหวังของครูศิลปะที่ตีมือนักเรียนเพื่อหวังจะให้นักเรียนวาดรูปออกมาสวย รูปที่ออกมากลายเป็นเพียงงานที่ไม่มีใครต้องการ แม้แต่ตัวคนวาดเองก็ตาม

บทเรียนแรกในคอร์สวาดรูปที่เราเลือกเรียนคือการวาดรูปอุปกรณ์ที่ตัวเองใช้ในการวาดภาพ ซึ่งเรามีแค่ดินสอที่เพิ่งซื้อมาใหม่ เราเลยใช้ดินสอเป็นแบบ แล้วเอาปากกาแถมฟรีที่ใช้เขียนบันทึกมาวาดรูปแทน ผลปรากฏว่าเราชอบลายเส้นและสีสันของปากกาลูกลื่นด้ามนี้มากกว่าของดินสอด้ามนี้อีก วาดไปก็คิดไปว่านี่เราจำกัดตัวเองอยู่แค่การวาดรูปด้วยดินสอมาตั้งนาน ทั้งๆ ที่ปากกาที่ใช้อยู่ทุกวันก็ใช้วาดรูปได้เหมือนกัน แล้วก็ไม่ทิ้งขี้ยางลบด้วย

พอมาคิดๆ ดู ที่เราชอบการวาดรูปด้วยปากกาอาจเป็นเพราะว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่เราใช้อยู่ทุกวันก็ได้ และการวาดรูปเล่นแก้เบื่อส่วนใหญ่เราก็ทำด้วยปากกา ไม่ใช่ดินสอ บางทีวิชาศิลปะที่ถูกบังคับให้เรียนเป็นเวลาหลายปีอาจทำให้ทุกๆ ครั้งที่จับดินสอวาดรูปก็มีคำว่า “พอใช้” ที่ครูเคยให้บ่อยๆ ติดมือมาด้วยโดยไม่รู้ตัว

ตอนนี้รู้สึกสนุกกับการจับปากกาวาดรูปสิ่งต่างๆ รอบตัวมากเลยแหละ ตื่นเต้นกับความคิดที่ว่าจะได้เก็บความทรงของจำกาแฟแก้วโปรด หมาที่น่ารักเป็นพิเศษ หนอนที่บินได้ หรือคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ออกมาเป็นภาพวาดได้

ไม่รู้ว่าพอวาดภาพจากจินตนาการแล้วจะสนุกแบบนี้ไหม หวังว่าจะสนุกแบบนี้ แต่ถ้าไม่สนุกก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

Money Well Spent: แผ่นเกม Dark Souls ที่ไม่แน่ใจว่าจะเล่นได้ไหม

ความคุ้มค่าของการซื้อแผ่น Dark Souls ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องความสนุกของเกม แต่หมายถึงความคุ้มค่าของการยอมจ่ายเงินจำนวน 1,290 บาทเผื่อซื้อแผ่น PS3 มือหนึ่งในวันเวลาที่ควรจะซื้อแผ่นมือสองได้ในราคาประมาณ 300 – 400 บาท

เราซื้อแผ่น Dark Souls มือสองมาเมื่อหลายเดือนก่อนในราคา 340 บาท รวมค่าส่งแล้ว ซึ่งเป็นราคาที่ควรจะได้สำหรับแผ่นมือสองของเครื่องเกมตกยุคอย่าง PS3

หลังจากเล่นเกมจบไปหลายเกมและถึงเวลาของ Dark Souls เราพบว่าเกมมีปัญหา ใส่แผ่นไปแล้วขึ้น Error ต้องใส่แผ่นเข้าออกหลายๆ ครั้ง แล้วลุ้นเอาว่าครั้งไหนจะเข้าไปเล่นเกมได้ ทำแบบนี้ได้อยู่สองสามวันก็กลายเป็นว่าไม่ว่าจะใส่แผ่นเข้าออกกี่ครั้งก็ไม่สามารถเข้าเกมได้เลย

หลังจากค้นหาใน Goggle อยู่พักหนึ่งเราพบว่าเรามีทางเลือกสองทาง ทางแรกคือการแกะเครื่องออกมาทำความสะอาดหัวอ่าน (ตัดเรื่องเปลี่ยนหัวอ่านออกไปเพราะหาดูแล้วไม่เจอของที่มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้) ทางที่สองคือการซื้อแผ่นใหม่ไปเลย (เกมไม่มีขายแบบดิจิตอล)

ปัญหาของวิธีแรกคือเราไม่แน่ใจว่าจะได้ผลไหม เคยมีคนที่เครื่องมีอาการแบบนี้แล้วใช้วิธีนี้แล้วหาย ซึ่งในกรณีนี้ต้องมั่นใจว่าแผ่นไม่ได้เสีย ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าแผ่นมือสองที่ซื้อมาเสียหรือเปล่า แต่ถ้าวิธีนี้สำเร็จเราจะเสียเงินไปไม่กี่ร้อย เป็นค่านำ้ยาทำความสะอาดและไขควง

วิธีที่สองเราก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ผลหรือเปล่าเหมือนกัน และแผ่นเกม Dark Souls ที่เราหาได้เหลือแต่แผ่นมือหนึ่งและมีราคาแพงเกินไป ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้สุดท้ายเราจะมีแผ่นเกมสภาพดีสองแผ่นที่เล่นไม่ได้เพราะหัวอ่านเครื่องเกมไม่ดี

เราลองใส่แผ่นเกมอื่นๆ แล้วเล่นได้ปกติ แต่คนที่ใช้วิธีทำความสะอาดหัวอ่านแล้วหายก็บอกว่าเล่นเกมอื่นได้ปกติเหมือนกัน เป็นแค่บางเกมที่เล่นไม่ได้ เหมือนกับว่าพอหัวอ่านไม่ได้ดีเหมือนเดิมเครื่องก็เลยเลือกแผ่นมากกว่าปกติ แผ่นจะต้องสมบูรณ์จริงๆ ถึงจะเล่นได้

ทีนี้ถ้าเราใช้วิธีแรกแล้วไม่สำเร็จเรายังไม่สามารถตอบได้ว่าตกลงเป็นที่หัวอ่านหรือเปล่า บางทีการทำความสะอาดเฉยๆ อาจไม่พอ อาจต้องเปลี่ยนหัวอ่านไปเลย แต่ถ้าเลือกวิธีที่สอง จ่ายแพงหน่อย แต่แผ่นที่ได้มาเป็นแผ่นมือหนึ่ง มั่นใจได้ว่าแผ่นมีสภาพสมบูรณ์ ถ้าใส่แผ่นแล้วเล่นไม่ได้เราก็มั่นใจได้ว่าไม่ได้เป็นเพราะแผ่นแน่นอน แต่เป็นที่หัวอ่าน

สุดท้ายเราเลือกซื้อแผ่นใหม่ ปรากฏว่าเล่นได้ (ไชโย!) เป็นการยอมจ่ายเงินมากกว่าเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาที่อย่างน้อยถ้าไม่สำเร็จเราก็ยังได้คำตอบอะไรกลับมา พอเป็นแบบนี้เลยทำให้คิดว่าถ้าครั้งต่อไปต้องตัดสินใจ ไม่ว่าจะมีเงินมาเกี่ยวข้องหรือเปล่า การมองหาวิธีที่ต่อให้ไม่สำเร็จก็ยังสามารถให้คำตอบอะไรได้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

Money Well Spent: เงินซักผ้ารอบสอง

อาทิตย์ก่อนมีเหตุการณ์ที่ค่อนข้างแปลกประหลาดเกิดขึ้นระหว่างการซักผ้าของเรา ปกติเวลาซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ เราจะลงไปเปิดฝาเครื่องซักผ้าทิ้งไว้ เดินขึ้นมาล้างมือ แล้วค่อยลงไปเอาผ้า เพราะเราคิดว่าฝาเครื่องซักผ้าสกปรก คนที่เอาผ้ามาซักต้องจับผ้าใช้แล้วของตัวเอง แล้วก็มาจับเครื่องซักผ้า ถ้าเปิดฝาทิ้งไว้ก็จะได้หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาได้เลย ไม่ต้องไปจับเครื่องซักผ้าอีก

ถึงจะบอกว่าเปิดฝาทิ้งไว้ก็เถอะ แต่ระยะเวลาระหว่างที่เราขึ้นมาล้างมือแล้วลงไปใหม่ยังไงก็ไม่เกินสามนาทีแน่นอน ที่ผ่านมาก็ใช้วิธีนี้มาตลอด แต่ว่าครั้งนี้พอลงไปกลับมีผู้หญิงรูปร่างอ้วนผิวคล้ำชะโงกหน้าดูผ้าของเราในเครื่องซักผ้าอยู่!

ด้วยความต้องการปกป้องผ้าสะอาดของตัวเองเราจึงรีบเดินไปที่เครื่องซักผ้าที่เราเปิดฝาทิ้งไว้ ผู้หญิงคนนั้นหันมามองเรา แล้วก็พูดว่า “ทำไมผ้าน้อยจัง”

ผู้หญิงคนนั้นหันกลับไปที่เครื่องซักผ้าแล้วใช้มือดึงถาดผงซักฟอกออกมา แล้วก็พูดว่า “ผงซักฟอกมันไม่ลงไป” ระหว่างนี้น้ำผงซักฟอกที่ค้างอยู่ในถาดผงซักฟอกก็ไหลลงมาโดนผ้าที่ซักเสร็จแล้วของเรา…

“แล้วนี่จะทำยังไงต่อ” ผู้หญิงคนนั้นถามเรา

เราที่กำลังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอบกลับไปว่า “เดี๋ยวผมซักใหม่ละกัน” แล้วก็รีบเดินขึ้นมาหยิบเหรียญใหม่ หยิบผงซักฟอกใหม่ รีบกลับลงไปซักผ้าอีกรอบ เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้

ระหว่างรอซักผ้ารอบสองเรานั่งฟัง Podcast ที่โหลดมาใหม่ แต่ว่าฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เพราะในใจคิดถึงแต่เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ผู้หญิงคนนั้นทำทั้งหมดนั่นเพื่ออะไร? อยากใช้เครื่องซักผ้าต่อแล้วไม่แน่ใจว่าผ้าในเครื่องคือซักผ้าคือผ้าที่ซักเสร็จแล้วหรือยังก็เลยเปิดถาดผงซักฟอกดูหรอ แต่ว่ามีเครื่องซักผ้าอีกเกือบสิบเครื่องที่ยังว่างเลยนะ หรือว่าเป็นโจรขโมยผ้าที่โดนจับได้พอดี หรือว่าเป็นคนชอบยุ่งกับเครื่องซักผ้าของคนอื่น หรือว่าเป็นคนเพี้ยนๆ เราพยายามหาเหตุผลที่จะทำให้ตัวเองไม่โกรธผู้หญิงคนนี้

พอครบเวลาเราก็ลงไปเอาผ้า เจอผู้หญิงคนนั้นกำลังเอาผ้าของตัวเองออกจากเครื่องซักผ้าอยู่เหมือนกัน พอเห็นเราก็ชวนเราคุย ถามว่า “เสร็จหรือยังล่ะ” ตอนแรกเราไม่ตอบอะไรกลับไป แต่สุดท้ายก็ตอบไปว่า “ยังครับ” เพราะไม่อยากจะทำเรื่องเสียมารยาท เพราะตัวเองก็ยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นรู้หรือเปล่าว่าทำอะไร รู้หรือเปล่าว่าตัวเองควรจะรับผิดชอบ

หลังจากตากผ้าเสร็จ หลังจากกลับไปใช้ชีวิตตามปกติต่อได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร นอกจากเวลาที่หายไปประมาณหนึ่งชั่วโมงและเงินอีกนิดหน่อย เราถึงเพิ่งคิดได้ว่าจริงๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผลของผู้หญิงคนนั้นในการที่เราจะไม่โกรธ

นี่ถือเป็นสิ่งใหม่สำหรับเรา ซึ่งเราคิดว่าอาจเป็นผลมาจากการทำสมาธิทุกวันเป็นเวลาเดือนกว่า ซึ่งส่งผลให้เราตัดสินใจแก้ปัญหาได้อย่างใจเย็นขึ้น และพอเหตุการณ์ผ่านมาแล้วก็มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

จริงๆ แล้วความคิดทำนองนี้พระพุทธศาสนาพยายามบอกกับเรามาตลอด แต่เราก็ไม่เคยคิดว่ามันเป็นความคิดที่เข้าท่าเท่าไหร่ ถ้ามีคนมาทำร้ายเรา จะไม่ให้โกรธได้ยังไง เราคิดว่าเหตุผลที่เราไม่เคยชอบแนวคิดของพุทธที่เราเคยได้รู้มาก็เพราะพระพุทธศาสนาในไทยเกี่ยวโยงกับความดีงามมากเกินไป การไม่โกรธหมายถึงการเป็นคนมีเมตตา เป็นคนมีรัศมีความดีงามแผ่ออกมา เราไม่ใช่คนแบบนั้น และเราก็ไม่ชอบคบกับคนแบบนั้นเท่าไหร่

การที่เราบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผลของผู้หญิงคนนั้นในการไม่โกรธห่างไกลจากการเป็นคนดีมาก เราแค่คิดว่าการไม่โกรธดีกับเราที่สุด และเราไม่ได้รู้สึกเห็นใจหรือเข้าใจอะไรคนที่ทำให้เราต้องมาซักผ้ารอบสอง ถ้าเราไม่โกรธเราก็เสียแค่เงินกับเวลา แล้วเราก็กลับไปใช้ชีวิตปกติต่อได้ทันที

จริงๆ มันอาจไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่เราเริ่มมาทำสมาธิทุกวันก็ได้ แต่ถ้ามันเกี่ยวก็ถือเป็นการจ่ายเงินเพื่อทดสอบในสิ่งที่ตัวเองฝึกมาเป็นเวลาเดือนกว่าๆ ได้ดีมาก รู้สึกดีที่เทคโนโลยีทำให้การทำสมาธิกลายเป็นสิ่งที่อยู่ในแอป เอากรอบของความดีงามต่างๆ ที่ผูกติดอยู่กับการฝึกสิ่งที่มีประโยชน์ในชีวิตมากอย่างการฝึกสติออกไป และทำให้เรารู้สึกถึงประโยชน์ของหลักปฏิบัติทางศาสนาที่มีต่อชีวิตของตัวเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องรับเอาความคิดและความเชื่อที่ตัวเองไม่เห็นด้วย หรือยังไม่แน่ใจว่าจะเห็นด้วยดีหรือเปล่า

Money Well Spent: นกฮูกยักษ์ไล่นก

ตั้งแต่ย้ายห้องใหม่เนี่ยเราก็ค่อนข้างมีปัญหากับบรรดานกตัวเล็ก ๆ ตรงที่มันชอบมาขี้ไว้ที่ระเบียง ซึ่งที่ผ่านมาตอนอยู่ที่อื่น นาน ๆ ทีเราถึงจะทำความสะอาดขี้นกออกไปที แต่ปัญหาคือปีนี้ฝนตกบ่อยมาก และตำแหน่งของระเบียงห้องใหม่เราเนี่ยทำให้เวลาฝนตกแรง ๆ มันจะพัดเข้ามาที่ระเบียงด้วย ทำให้เรารู้สึกว่าระเบียงสกปรก เพราะไม่ได้มีแค่ฝุ่นเฉย ๆ แต่มีขี้นกที่ฝนพัดเข้ามาด้วย

ช่วงแรกเราพยายามออกไปสำรวจขี้นกทุกวัน เพราะฝนตกแทบทุกวัน บางทีคิดว่าเอาไว้พรุ่งนี้ก็ได้ก็กลายเป็นว่าตอนนอนอยู่ฝนก็ตก ต้องมาล้างระเบียงกันใหม่ นอกจากนี้พอออกไปสำรวจทุกวันก็เจอขี้นกทุกวัน ราวกับว่าระเบียงเป็นห้องน้ำของนกและเราเป็นพนักงานทำความสะอาด พอเป็นแบบนี้บ่อย ๆ เข้าก็เลยเหนื่อย คิดว่าต้องหาทางกำจัดนกออกไปแล้วล่ะ

เรื่องราวของคนที่พยายามไล่นกเต็มไปด้วยความล้มเหลว สิ่งที่ได้ผลดีที่สุดคือการติดลูกกรงหรือตาข่ายเอาไว้ไม่ให้นกบินเข้ามาได้ตั้งแต่แรก แต่เราไม่อยากได้แบบนั้น มันทำให้รู้สึกอึดอัด รู้สึกเหมือนตัวเองถูกขัง พอเราเล่าเรื่องนี้ให้โยฟัง โยบอกว่าที่บ้านป้าซื้อนกฮูกที่ตาเรืองแสงได้มาตั้งไว้ แล้วตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยเจอนกมาขี้อีกเลย​! รีวิวจากผู้ใช้จริงนี้สร้างความแปลกใจให้เรามาก ไม่เคยคิดว่าการซื้อสิ่งมีชีวิตปลอมมาหลอกนกจะได้ผล เพราะเหยี่ยวปลอมที่พ่อเราซื้อมาไว้ที่บ้านก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเป้าซ้อมระบบขับถ่ายของนกเลย

เราพยายามหานกแบบที่น่าจะเป็นแบบเดียวกับที่ป้าของโยใช้ ก็ไปเจอตัวหนึ่งที่ราคาเกือบพันบาท เป็นนกฮูกตัวใหญ่ เก็บพลังงานแสงอาทิตย์และปล่อยแสงออกจากตาได้เวลากลางคืน ซึ่งเราคิดว่าคงไม่ได้ใช้ประโยชน์จากแสงที่ตานกฮูกอยู่แล้ว เพราะนกมาช่วงกลางวัน ไม่ได้มากลางคืน แต่ก็ซื้อตัวนี้มาเพราะพอถามโยแล้วโยบอกว่าตัวนี้แหละที่ป้าซื้อมา เราคิดว่าจะเสียเงินทั้งทีก็ขอซื้อแบบที่มีคนใช้แล้วได้ผลดีไปเลย ถ้าไม่ได้ผลก็จะได้หาวิธีอื่นมาไล่นกที่ไม่ใช่การหาสัตว์นักล่าปลอมมาหลอก

ปรากฏว่ามันได้ผลแหละ! อย่างน้อยสองอาทิตย์แรกก็ไม่มีขี้นกมาให้เห็นอีกเลย พอมองออกไปก็เห็นนกตัวเล็กตัวน้อยจำนวนมากยืนเกาะสายไฟและมองกลับมาด้วยความโหยหาห้องน้ำที่กลายเป็นที่อยู่ของเหยี่ยวที่สั่งมาจาก Shopee ไปแล้ว

หลังจากนั้นเรายังได้ยินเสียงนกที่ระเบียงบ้าง ก็พยายามเปิดประตูออกไปให้มันตกใจ ให้มันรู้สึกว่าการชะล่าใจคิดว่านกฮูกยักษ์นี่เป็นของปลอมถือเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรง มีอยู่ครั้งหรือสองครั้งที่ขี้นกกลับมาอีก ก็เลยตามหาปืนอัดลม ตั้งใจจะเอามาใช้แทนการเปิดประตูให้ตกใจ แต่ปรากฏว่าระหว่างที่รอปืนอัดลมมาส่ง เราสังเกตว่าเราไม่ได้ยินเสียงนกที่ระเบียงอีกเลย คิดว่านกน่าจะถอดใจจากการที่พอบินมาที่ระเบียงแล้วก็ได้ยินเสียงเปิดประตูให้ตกใจน่ะแหละ

ผ่านมาเดือนนึงแล้วที่นกฮูกตัวนี้มาอยู่กับเรา ชีวิตดีขึ้นกว่าเดิมมาก ไม่ต้องเปลืองทิชชูเปียก สบู่ และเวลาที่ใช้ในการออกไปเช็ดขี้นก แม้ว่าถ้าดูจากวัสดุที่ใช้ทำนกฮูกที่เป็นพลาสติกเบาหวิวแล้วจะคิดว่าขายแพงเกินไปมาก แต่ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากทีเดียว

ลาก่อน LAMY Safari

ปากกา LAMY Safari ด้ามนี้อยู่กับเรามาได้ปีครึ่งแล้ว แต่เป็นการอยู่ด้วยกันแบบที่ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเท่าไหร่ ตั้งใจว่าจะทำให้การนั่งลงเขียนหนังสือเป็นอะไรที่มีความศักดิ์สิทธิ์ มีความเป็นพิธีกรรมบางอย่าง แต่กลายเป็นว่าการที่ต้องมาคอยเปลี่ยนหมึกปากกา และการที่เขียนเร็วเกินไปไม่ได้เพราะมือจะไปปาดหมึกแล้วทำให้เลอะ ทำให้สุดท้ายเราเขียนหนังสือน้อยลงกว่าที่เคย

เร็วๆ นี้เราสร้างวินัยให้ตัวเองและหยิบ LAMY มาเขียนต่อได้สำเร็จ แต่ก็เป็นการเขียนที่ทุลักทุเลพอสมควร ต้องคอยสั่งหมึกใหม่ทุกๆ สองอาทิตย์ ชงกาแฟเสร็จแล้วก็เขียนเลยไม่ได้ ต้องรอให้มือที่เพิ่งล้างมาแห้งก่อน ไม่งั้นถ้าน้ำจากมือไปโดนหมึกที่เขียนเอาไว้ก็จะกลายเป็นรอยหมึกเลอะเทอะไปหมด แต่เราก็ทำใจยอมรับสภาพนี้ คิดว่าจะลองเปลี่ยนกระดาษหรือเปลี่ยนเป็นหมึกกันน้ำหรือหมึกที่แห้งเร็วกว่านี้ดู

จนกระทั่งเรากลับไปอ่านงานเก่าที่เราเขียนไว้

เราจำไม่ได้ว่าทำไมเราถึงไปเปิดงานเก่าที่เราเขียนไว้ หยุดเขียนไป และตั้งใจจะเริ่มใหม่พร้อมกับปากกาที่ซื้อมาด้ามนี้ แต่สิ่งที่เราพบคือเราชอบงานเขียนในตอนนั้นมากกว่าตอนนี้มาก และต้องยอมรับกับตัวเองว่าตัวเราในตอนนี้ไม่สามารถที่จะเขียนงานแบบตอนนั้นได้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเราเปลี่ยนไป กลายเป็นคนที่โกรธโลกใบนี้มากกว่าเดิม อีกส่วนหนึ่งเราคิดว่าอาจเป็นเพราะการใช้ปากกา LAMY นี่แหละ

เราเคยสังเกตว่างานเขียนของตัวเองที่เราชอบมักจะเกิดจากการที่ความคิดในหัวเราลงสู่กระดาษเลย ไม่ได้กลั่นกรองอะไรมากมาย เหมือนกับหน้ากระดาษและตัวหนังสือเป็นเครื่องมือถ่ายทอดความคิดเท่านั้น การเขียนแบบนี้เหมาะกับการเขียนด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำได้เร็วกว่าการใช้มือเขียน

การเปลี่ยนมาใช้ปากกาหมึกซึมทำให้เราเขียนได้ช้าลง ด้วยข้อจำกัดเรื่องหมึกอย่างที่บอกไป และต่อให้เปลี่ยนไปใช้ปากกาลูกลื่นก็ยังเร็วสู้การพิมพ์กับคีย์บอร์ดไม่ได้อยู่ดี นอกจากนี้การเขียนเร็วๆ ก็ทำให้ลายมือไม่สวย ทำให้ไม่อยากกลับมาอ่านซ้ำ พอเป็นแบบนั้นก็เลยไม่อยากเขียนเร็วตั้งแต่แรก

เป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนรูปแบบการเขียนทำให้รูปแบบการคิดของเราเปลี่ยนไปด้วย เราปรับความคิดให้ช้าลงตามการเขียนของเราโดยไม่รู้ตัว

ตอนนี้ก็เลยกลับมาเขียนด้วยคอมพิวเตอร์แล้วล่ะ แล้วก็บอกลาปากกาหมึกซึมแล้ว แม้จะเคยคิดว่าการได้ใช้หมึกชื่อเก๋ๆ นี่น่าจะทำให้รู้สึกดีมากๆ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่าไม่เหมาะกับชีวิตตัวเองเท่าไหร่

ว่าแต่จะมีอะไรในชีวิตอีกบ้างนะ ที่สิ่งที่จินตนาการเอาไว้กับความเป็นจริงมันไม่เหมือนกัน แต่เรายังเลือกอยู่กับความเข้ากันไม่ได้นั้นโดยไม่รู้ตัว

อะไรหลายๆ อย่างก็คงมีเวลาหมดอายุของมัน ไม่ใช่แค่กับอาหาร บางทีเราอาจไม่ได้เกลียดใครที่เราเคยเกลียดอีกต่อไปแล้ว บางทีเราอาจไม่ได้ตื่นเต้นกับที่ที่เราเคยอยากไปอีกต่อไปแล้ว บางทีเราอาจไม่ได้รู้สึกกังวลอีกแล้วว่าใครจะมองเรายังไงถ้าเราอยากแสดงความรักต่อคนที่เรารักเวลาอยู่ข้างนอก

จิน หมอทะลุศตวรรษ เล่ม 13

เราไม่ได้มีข่าวดีมาบอกเรื่องฉบับแปลไทยของ ‘จิน หมอทะลุศตวรรษ เล่ม 13’ หรอก ของไทยน่าจะค้างอยู่ที่เล่ม 12 ตลอดไป แต่ข่าวดีก็คือคนที่อ่านภาษาอังกฤษได้ สามารถตามอ่าน JIN (จิน) จนจบได้ในราคาแค่ร้อยกว่าบาทเท่านั้นเอง

ถือว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้าย เนื่องจากการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ได้ดังขนาดนั้น แม้จะได้รับการแปลเป็นภาษาไทยและหยุดแปลไป แต่จินไม่เคยได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษเลย คุณ Motoka Murakami ผู้เขียน ก็เลยใช้เว็บไซต์ Patreon เพื่อระดมทุนจากผู้อ่านที่สนใจ สมัครสมาชิกรายเดือน เพื่อที่จะได้อ่านจินในฉบับภาษาอังกฤษที่จะโพสต์ตอนใหม่ให้อ่านอาทิตย์ละครั้ง

โครงการนี้เริ่มมาหลายปีแล้ว จนตอนนี้การ์ตูนเรื่องจิน หมอทะลุศตววรษบนเว็บไซต์ Patreon มีภาษาอังกฤษให้อ่านตั้งแต่ต้นจนจบเลย นั่นหมายความว่าถ้าเป็นคนอ่านเร็ว เสียค่าสนับสนุนศิลปินเดือนละ $5 แล้วก็ยกเลิกภายในเดือนนั้น ก็จะอ่านจินได้จนจบในราคาแค่ 160.16 บาทเท่านั้นเอง (ราคาแปลงเป็นเงินไทยตอนที่เราสมัคร) คนที่สนใจสามารถเข้าไปดูได้ที่ลิงก์นี้ ซึ่งมีระดับสมาชิกหลายแบบให้เลือก ระดับที่เสียเงินแพงจะได้ดูภาพวาดพิเศษ แล้วก็มีแบบที่คนเขียนวาดแล้วส่งไปรษณีย์มาให้ด้วย (แต่เราไม่แน่ใจว่าคนเขียนยังเข้ามาดูเว็บไซต์อยู่ไหม) ระดับที่สามารถอ่านจินได้ครบทุกตอนในราคาถูกที่สุดอยู่ที่ $5 (ระดับราคา $1 เป็นการสนับสนุนศิลปินเฉยๆ แต่อ่านการ์ตูนไม่ได้)

สำหรับคนที่อ่านถึงเล่ม 12 แล้วลืมไปแล้วว่าอ่านถึงตอนไหน ตอนสุดท้ายของเล่ม 12 ฉบับแปลไทย (ตรงกับฉบับภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ) มีชื่อว่า ‘คาราคุริ กิเอมอน’ (Karakuri Giemon) ให้เริ่มอ่านต่อในตอนที่ชื่อ ‘Kameyama Enterprise’ ที่โพสต์เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2018 จะเป็นตอนแรกของเล่ม 13 พอดี

ปล. ระวังนิดนึงว่าเว็บไซต์ Patreon จะคิดค่าสนับสนุนศิลปินเป็นรายเดือน ไม่ใช่ราย 30 วัน ถ้าเราจ่ายเงินตอนสิ้นเดือน พอขึ้นเดือนใหม่เราจะเสียเงินอีกรอบทันที และของเราโชคร้ายตรงที่ว่าเราสมัครไปวันที่ 1 พฤศจิกายน แต่ว่าเค้านับ Time Zone ตามอเมริกา ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาเราเลยเสียเงินอีกรอบ เพราะถือว่าเราจ่ายเงินไปเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ตามเวลาของเว็บไซต์

Money Well Spent: Little’s Colombian Premium Instant Coffee

เราเคยพูดให้เพื่อนฟังว่าสิ่งที่เราชอบในกาแฟจริงๆ ก็คือกลิ่นกาแฟ เราเลยมีความชอบที่คอกาแฟปกติอาจจะไม่มี นั่นคือความชอบในของหวานที่มีกลิ่นกาแฟทั้งหลาย ตั้งแต่นมกาแฟ เค้กกาแฟ โดนัทกาแฟ ยีราฟกาแฟ และอะไรอีกมากมายที่มีกลิ่นกาแฟอยู่ในนั้น ตั้งแต่ที่เราย้ายที่อยู่ใหม่เนี่ยระเบียงก็แคบลงมากๆ ทำให้ไม่สะดวกในการทำอาหาร เราเลยคิดว่าเปลี่ยนมาทำอะไรด้วยเตาอบจะดีกว่า เพราะจัดการเรื่องความสะอาดได้ง่ายกว่าการทำอะไรที่ต้องใช้กระทะหรือหม้อ นั่นทำให้เราอยากกลับมาอบขนม และแน่นอนว่าต้องเป็นขนมที่มีกลิ่นกาแฟ ซึ่งนั่นทำให้เรารู้จักกับ Little’s Colombian Instant Coffee กาแฟสำเร็จรูปที่รสชาติใกล้เคียงกับกาแฟสดที่สุด และรสชาติดีกว่ากาแฟสำเร็จรูปอื่นๆ ในท้องตลาดอย่างเทียบกันไม่ได้

สูตรขนมที่เราจะทำต้องใช้ผงกาแฟ เราเลยเกิดคำถามว่าแล้วผงกาแฟยี่ห้อไหนดีที่สุด จะทำขนมทั้งทีก็อยากทำให้ออกมาดี ออกมาอร่อย เราตรงไปที่ช่อง YouTube เกี่ยวกับกาแฟที่เราชอบที่ชื่อว่า James Hoffmann ซึ่งเราถูกใจพิธีกรชาวอังกฤษคนนี้ เรารู้สึกว่าเค้าจริงใจในการให้ข้อมูล อะไรดีก็บอกว่าไม่ดี อะไรไม่ดีก็บอกว่าไม่ดี ไม่ได้พยายามทำให้ทุกอย่างดูน่าสนใจ ไม่ได้โกรธไปทุกอย่าง และโชคดีที่เค้าเคยทำคลิปชิมกาแฟสำเร็จรูปหลายสิบแบรนด์เพื่อหากาแฟสำเร็จรูปที่รสชาติดีที่สุดเอาไว้

เราไม่ได้คาดหวังกับกาแฟ Little’s Colombian Coffee ที่เป็นผู้ชนะในคลิปมากนัก เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมากับกาแฟสำเร็จรูปเมื่อเอามาชงแบบกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลก็คือไม่ได้เรื่องเลย และคุณ Hoffmann ก็บอกเอาไว้ในคลิปเองว่าถึงแม้กาแฟที่เลือกมาจะดีที่สุด แต่ถ้าไปเจอกับกาแฟสดก็คือเทียบกันไม่ได้เลย

เราจัดแจงชงกาแฟ Colombian (Little’s เป็นชื่อแบรนด์) ตามสูตรที่ในเว็บทางการแนะนำไว้

สูตร
ผงกาแฟ 2 กรัม
น้ำร้อน 200 มล.

รสชาติและกลิ่นที่ได้จากกาแฟที่ชงออกมาทำให้เรานึกถึงรสชาติของกาแฟดริปที่เราชงจากถุงกาแฟดริปสำเร็จรูปไม่นานมานี้ ไม่ได้ขมจนทนไม่ได้ แต่เป็นความขมแบบบางๆ ที่ปล่อยให้กลิ่นและรสชาติอื่นๆ ที่อยู่ในเมล็ดกาแฟแทรกเข้ามา ในฐานะคนที่ทั้งชงกาแฟเองและสั่งเอาจากร้าน เราว่ากาแฟสำเร็จรูปตัวนี้ดื่มแทนกาแฟสดชงจากเมล็ดได้สบายๆ เลย

พอได้ลองกาแฟของ Little’s ก็อยากแก้ต่างให้กับกาแฟสำเร็จรูป ว่ากาแฟสดไม่ได้ดีกว่ากาแฟสำเร็จรูปเสมอไป อย่างน้อยก็กับร้านกาแฟในกรุงเทพที่เราได้สัมผัสมา สำหรับการดื่มเป็นกาแฟดำ Little’s Colombian Coffee เอาชนะเมนูกาแฟดำของร้านกาแฟสดหลายๆ ร้านที่เน้นทำกาแฟเย็นรสหวานได้อย่างสบายๆ แม้ว่าเมื่อเทียบราคากันแล้วจะถูกกว่ามากก็ตาม รวมถึงอาจจะดีกว่ากาแฟที่ชงเองด้วย หากว่าเมล็ดกาแฟที่มีและฝีมือในการชงยังไม่ได้ดีขนาดนั้น

สุดท้ายเราไม่ได้เอา Little’s Colombian Coffee มาทำขนม เพราะพออ่านสูตรอีกทีผงกาแฟที่ใช้เป็นคนละประเภทกัน ไม่ใช่แบบที่เอามาชงดื่มแบบนี้ แต่ก็ดีใจมากที่ได้พบกับกาแฟยี่ห้อนี้ กาแฟของ Little’s ยังมีแบบที่เรียกว่า Infused Instant Coffee ที่มีการเพิ่มกลิ่นเข้าไปแต่ยังเป็นกาแฟดำเหมือนเดิม ซึ่งชื่อของแต่ละอันนี่ทำให้คิดว่าคงได้สั่งมาลองจนครบทุกแบบแน่นอน Chocolate Chai, Island Coconut, Cardamon Bun, Havana Rum, หรือ Christmas Spirit แต่ตอนนี้คงต้องพักไว้ก่อน เพราะกาแฟตัวนี้แพงกว่ากาแฟสำเร็จรูปอื่นๆ อยู่เหมือนกัน

ปล. จริงๆ เราซื้อกาแฟ Little’s Colombian Coffee วันสุดท้ายของเดือนกันยายน แต่ได้ลองจริงๆ ต้นเดือนตุลาคม ก็เลยนับว่าเป็นรายการของที่ซื้อของเดือนตุลาคมไปด้วย หวังว่าคงไม่ว่ากันนะ 🙂

Money Well Spent: WH-1000XM4

หูฟังแบบที่เราใช้มาตลอดเป็นหูฟังที่เรียกว่า Earbud หูฟังยุคโบราณที่วิธีใส่คือหย่อนลงไปที่ช่องหู ไม่ใช่เสียบเข้าไปข้างในแบบหูฟังสมัยนี้ เราไม่ใช้หูฟังแบบครอบหูเพราะเมื่อก่อนเดินทางบ่อย ก็เลยเลือกหูฟังที่สามารถพกพาได้ง่าย เสียงดี ช่วงราคาอยู่ในระยะที่เวลาใช้เสร็จก็โยนใส่กระเป๋าแบบไม่ต้องคิดอะไร ถ้าเสียหรือหายไปก็ซื้อใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องเสีดาย ตอนนี้เราเดินทางน้อยลง และเป็นคนที่ต้องการความเงียบในการทำอะไรต่างๆ มากขึ้น ก็เลยเลือก WH-1000XM4 ที่เป็นหูฟังตัดเสียงรบกวนจาก Sony เพราะคิดว่าน่าจะลดความหงุดหงิดรำคาญใจจากเสียงที่ไม่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลงจากละแวกใกล้เคียง เสียงหัวเราะอันชั่วร้ายจากห้องข้างๆ หรือเสียงประกาศของรถขายผลไม้

ความประทับใจแรกของเราต่อ XM4 ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เรารู้สึกว่าหูฟังราคาเป็นหมื่นอันนี้เสียงดีน้อยกว่าหูฟังราคาพันต้นๆ ที่เราใช้อยู่แบบเห็นได้ชัดเลย จริงๆ ด้วยราคาขนาดนี้มันไม่น่าจะเป็นแบบนั้น เป็นไปได้ว่าสิ่งที่เราไม่ชอบคือสไตล์ของเสียงที่ออกมา แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมคือเราจ่ายเงินเพิ่มเป็นสิบเท่าเพื่อให้ได้หูฟังที่เราชอบน้อยลง

ความไม่ประทับใจอีกอย่างก็คือการตัดเสียงรบกวนของตัวหูฟังจะใช้เทคโนโลยีในการสร้างเสียงรบกวนขึ้นมาอีกที เพื่อกลบเสียงภายนอกออกไป เวลาดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ก็จะไม่ได้ยินทั้งเสียงภายนอกและเสียงที่หูฟังสร้างขึ้นมา แต่บางครั้งเวลาหนังมีฉากที่เงียบมากๆ ก็จะได้ยินเสียงที่หูฟังสร้างขึ้นมาเหมือนกัน เราอยากได้ความเงียบจริงๆ ไม่ใช่ความเงียบที่ได้มาจากเสียงรบกวนอีกแบบอย่างนี้

หลังจากที่ความไม่ประทับใจเมื่อแรกพบผ่านไปเรากลับชอบหูฟังอันใหม่นี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสิ่งที่เราได้กลับมาคือความอิสระที่มากขึ้น ก่อนหน้านี้เวลาตั้งใจจะทำอะไร หลายๆ ครั้งก็ต้องเปลี่ยนแผน ดูหนังอยู่แล้วต้องหยุดกะทันหันเพราะในขณะที่อยู่ในฉากสะเทือนอารมณ์ก็มีเสียงหัวเราะอย่างไม่เกรงใจใครของหญิงอ้วนจากห้องข้างๆ ดังขึ้นมา หลายๆ ครั้งต้องจัดตารางเวลาของตัวเองให้อะไรๆ ที่จำเป็นต้องใช้สมาธิไปอยู่ตอนกลางคืน เพราะเป็นช่วงเวลาที่แน่ใจว่าจะไม่ได้ยินเสียงเพลงที่ไม่อยากได้ยินแม้คนเปิดจะอยากแบ่งปัน หรือเสียงประกาศขายลำไยและทุเรียนที่ไม่ได้อยากซื้อ แต่การมาถึงของหูฟังอันนี้และโหมด Noise Cancelling ทำให้เรากำหนดชีวิตตัวเองได้แบบที่ต้องการจริงๆ เพราะเวลาที่ใส่หูฟังอยู่เราไม่รับรู้ถึงเสียงรบกวนต่างๆ เหล่านี้เลย

จริงๆ แล้วหูฟังอันนี้ไม่ได้ลบเสียงรบกวนออกไปได้สมบูรณ์แบบ ถ้าตั้งใจฟังจริงๆ ก็จะยังได้ยินอยู่บ้าง แต่เวลาที่ใจจดจ่ออยู่กับอะไรตรงหน้าก็เรียกว่าได้ความเป็นส่วนตัวกลับมาอย่างแท้จริง จนทำให้ความไม่ประทับใจเรื่องคุณภาพเสียงและเสียงฮัมที่หูฟังสร้างขึ้นมากลายเป็นเรื่องเล็กๆ ไปเลย เสียงที่หูฟังจัดการไม่ได้จริงๆ ก็คงเป็นเสียงประกาศของรถขายผลไม้ที่เป็นเสียงในย่านความถี่ที่เทคโนโลยี Noise Cancelling จัดการได้ไม่ดีนัก แถมรถขายผลไม้ก็มักจะเปิดเสียงดังมากๆ ด้วย แต่อย่างน้อยก็ยังลดระดับเสียงประกาศชื่อผลไม้ที่ได้ยินรวมถึงลดระดับความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นลงไปด้วย

ความสะดวกอีกอย่างที่ได้มาก็คือการที่เราได้ลดความไม่สะดวกเรื่องความสกปรกของหูฟังลง เราเป็นคนที่ขี้หูเยอะมาก มากแบบที่คนปกติไม่อาจจินตนาการได้ หมอหูบางคนที่เราไปหาเวลาที่หูเราฟังเสียงไม่ถนัดเพราะมันอุดตันก็ยังโทษว่าเป็นเพราะเราเอาไม้พันสำลีปั่นหู ทั้งๆ ที่เราเลิกใช้ไปนานแล้ว สุดท้ายเรามาจบที่การปั่นทำความสะอาดหูทุกอาทิตย์ เพื่อลดโอกาสที่การปั่นหูจะไปทำให้ขี้หูอุดตันลง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยกำจัดออกไม่ให้มันมากเกินไปด้วย ปัญหาก็คือในระหว่างอาทิตย์ขี้หูก็ค่อยๆ สร้างขึ้นมา เวลาใส่หูฟังแบบธรรมดาหูฟังก็มักจะติดขี้หูมาด้วย ต้องมาคอยเช็ดออก ทำให้เสียเวลามาก พอมาใส่หูฟังแบบครอบหูก็ไม่ต้องมาเสียเวลากับเรื่องนี้อีกต่อไป เพราะตัวหูฟังไม่ได้มีส่วนไหนที่สัมผัสกับช่องหูโดยตรง

ยังมีฟังก์ชันอีกหลายอย่างที่ XM4 ช่วยสร้างความสะดวกสบายให้ อย่างเช่นการที่มันเป็นหูฟัง Bluetooth ทำให้ไม่ต้องต่อและพกพาสายให้วุ่นวาย แต่เราไม่ขอพูดถึง เพราะความประทับใจจริงๆ ที่เรามีต่อหูฟังอันนี้ก็คือเรื่องความสงบในชีวิตที่ได้กลับคืนมา

เรื่องสุดท้ายที่อยากพูดถึงก็คือช่วงที่เรามีปัญหากับเสียงรบกวนจากห้องข้างๆ เราเริ่มหาวิธีที่จะไม่สร้างเสียงรบกวนให้ห้องอื่นด้วย เราสงสัยว่าเวลาที่เราเล่นเกมเราอาจจะสร้างเสียงรบกวนให้กับเพื่อนข้างห้องมาตลอดก็ได้ เราก็เลยหันมาใส่หูฟังเวลาเล่นเกม ทีนี้เวลาเล่นเกมช่วงเวลาที่ใช้มันค่อนข้างนานกว่าการดูหนังหรือฟังเพลงมาก เราก็เลยกลัวว่ามันจะไม่ดีต่อหู ซึ่งสุดท้ายเรายังคงไม่ได้คำตอบว่าการใส่หูฟังเล่นเกมนานขนาดนั้นในระยะยาวจะส่งผลอะไรต่อการได้ยินหรือเปล่า แต่สิ่งที่เราได้กลับมาก็คือความรู้ที่ต่างไปจากสิ่งที่เราคิดตั้งแต่แรก

เราคิดว่าหูฟังแบบครอบหูมันต้องไม่ดีต่อหูแน่ๆ เพราะมันดูเหมือนกับการเอาลำโพงอันใหญ่ๆ ไปจ่อหูเลย แต่กลายเป็นว่าหูฟังแบบครอบหูเนี่ยแหล่งกำเนิดเสียงมันค่อนข้างอยู่ไกลจากหูก็เลยน่าจะดีต่อหูมากกว่า แล้วอีกอย่างก็คือการที่มันครอบหูทำให้เราได้ยินเสียงได้ชัดขึ้นโดยใช้ระดับเสียงที่ลดลง ก็เลยดีต่อหูมากกว่าการที่เราต้องเร่งเสียงดังในหูฟังแบบปกติเพื่อให้ได้ยินชัดขึ้น

Money Well Spent: Grab Driver Tip

เดือนสิงหาคมทำให้เราประหลาดใจ เพราะเงินที่รู้สึกว่าใช้ไปอย่างคุ้มค่าเป็นเงินที่จ่ายให้คนอื่น ไม่ได้จ่ายให้ตัวเอง เป็นเดือนที่สองที่การจ่ายเงินให้คนอื่นทำให้รู้สึกพอใจที่สุด แม้ว่าเดือนนี้จำนวนเงินจะไม่มาก แค่ 10 บาท จ่ายไปกับการให้ทิปคนส่งอาหาร Grab

ปกติเราไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่นหลังรับอาหารจากคนขับ นอกเหนือไปจากการให้คะแนนรีวิว 5 ดาว สำหรับการบริการที่ดีตามมาตรฐาน ก่อนหน้านี้เคยเลือกเหตุผลว่าทำไมคนขับคนนี้ถึงดี แต่ต่อมาพบว่าเป็นการเสียเวลามากเกินไป แล้วตัวเลือกที่แอปมีให้เลือกก็ดูคล้ายๆ กัน พอจะเลือกแล้วก็เกิดความสับสนทุกครั้งว่าจะเลือกอันไหนบ้าง ความสัมพันธ์กับคนขับในช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อกี้นี้ควรจะเรียกว่า Friendly หรือ Polite เป็นแบบนี้สักพักก็เลยจบแค่การให้คะแนน แล้วก็กดส่ง ประหยัดเวลา ประหยัดพลังงาน

สาเหตุที่เราให้ทิปกับคนขับก็คือคนขับเอาอาหารมาให้เราตอนฝนตก ปกติถ้าฝนตกเราจะไม่สั่งอาหารผ่าน Grab เพราะตัวเราเองก็ไม่อยากเดินออกไปตากฝน ไม่อยากรับถุงอาหารที่เปียกฝน แต่วันนั้นฝนตกระหว่างที่เราสั่งอาหารไปแล้วและกำลังรอให้อาหารมาส่ง

จริงๆ คนขับที่เอาอาหารมาส่งอาจจะยินดีที่จะขับฝ่าฝนมาก็ได้ แต่ก็อาจจะคล้ายกับเรา ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าฝนจะตก ก็อาจเลือกไม่รับงาน แต่ในเมื่อไม่รู้ ก็ทำอะไรไม่ได้

เพราะแบบนี้เราก็เลยเลือกให้ทิปคนขับไปเล็กน้อย แบบไม่คิดอะไร เขียนลงไดอารี่ แล้วก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้อีกเลยจนกระทั่งมาคิดว่าเดือนที่ผ่านมาจ่ายเงินให้กับอะไรแล้วรู้สึกคุ้มค่าที่สุด

ตอนนี้ก็กลับมาให้คะแนนเฉยๆ เหมือนเดิม ถ้าวันไหนฝนตก หิมะตก หรือมีฝูงหมาดักจู่โจมคนส่งอาหาร Grab ทั่วประเทศ ก็คงได้กลับไปใช้ระบบให้ทิปอีก