สุดยอดโพสต์แนะนำของกินสำหรับคนชอบกาแฟ

เราชอบกาแฟ ไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม แต่ยังรวมถึงอาหารที่มีรสหรือกลิ่นกาแฟ และเอาเข้าจริงเราตื่นเต้นกับอาหารมากกว่ากาแฟจริงๆ อีก แน่นอนว่ากาแฟดำมีความหลากหลายพอๆ กับเมล็ดกาแฟที่มีอยู่ในโลกนี้ แต่พอขยับไปเป็นเมนูเติมนมหรือเมนูเย็นเติมน้ำเชื่อม รสชาติของแต่ละร้านก็ไม่ค่อยจะต่างกันเท่าไหร่ ส่วนอาหารแม้จะมาคู่กับกลิ่นกาแฟปลอมๆ แต่ก็ดูจะมีความหลากหลายเท่าๆ กับความสามารถในการจินตนาการของคนคิดเมนูขึ้นมาเลย

ส่วนหนึ่งของความตื่นเต้นเวลาได้เจออาหารที่มีรสหรือกลิ่นกาแฟก็คือเรามักจะไม่รู้มาก่อนว่ามีสิ่งนี้อยู่ในโลก เวลาได้เจอก็จะแบบว่า “เฮ้ย มีทองม้วนรสกาแฟด้วยเหรอ!” ด้วยเหตุนี้ก็เลยเขียนโพสต์นี้ขึ้นมาเพราะเชื่อว่าน่าจะมีคนที่ชอบของกินรสกาแฟเหมือนกัน รวมถึงเพื่อใช้เป็นบันทึกของเราเองด้วย เราจะอัปเดตโพสต์นี้เรื่อยๆ เมื่อได้ลองอาหารใหม่ๆ

เราขอแบ่งหมวดหมู่ของอาหารในโพสต์นี้เป็นสามหัวข้อ ได้แก่:

เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ – ใช้สำหรับอาหารที่อร่อยมาก อยากกินอีกเป็นร้อยครั้ง คนรักกาแฟห้ามพลาด

อร่อย – ใช้สำหรับอาหารที่อร่อย ถ้าเจอก็อาจจะซื้ออีก แต่ถ้าไม่ได้กินอีกก็ไม่ได้เสียดายอะไร

ไม่ผ่าน – ใช้กับอาหารที่เฉยๆ ไปจนถึงไม่อร่อย แต่คนอื่นอาจจะชอบ ลงไว้เป็นข้อมูลว่ามีสิ่งนี้อยู่ในโลก



เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ

  • Blue Bottle Coffee Cookie
    น้องสาวเราซื้อมาฝากจาก Blue Bottle สาขาเกาหลี (มิถุนายน 2022) ไม่ใช่แค่คุกกี้กาแฟที่อร่อยที่สุด แต่ยังเป็นคุกกี้ที่อร่อยที่สุดสำหรับเรา ตอนกินเสร็จถึงกับส่งข้อความไปบอกแฟนว่า “ไม่เคยแดกอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน”


อร่อย


ไม่ผ่าน

After You คุกกี้เนยกาแฟ, baked.n.bar คอฟฟี่ลาเต้โชคุปัง, Bakery Arigato คุกกี้กาแฟ, Coffee Candy ลูกอมกาแฟอัดเม็ด (Americano / Cappucino / Green Tea / Hazelnut Latte / Mint), Delfi Top ช็อกโกแลตเคลือบกาแฟคาปูชิโน, Double Eagles & Globe Biscuit คุกกี้ไส้ครีมกาแฟ, Farmhouse ขนมปังโลฟรสมอคค่าบัตเตอร์สก็อต, Farmhouse ขนมปังฮอตดอกไส้ครีม รสกาแฟอัลมอนด์, King Power Roll มินิ ทองม้วน กาแฟ, Kopiko ลูกอมรสกาแฟ, Muji บามคูเฮนรสกาแฟ, Papien Banana กล้วยตากเคลือบรสกาแฟ, Toraya Bakery โรตีบอยกาแฟ, ขนมหวานบ้านจูนศรี อาลัวกะทิสดรสกาแฟ

ประทับใจเป็นบ้า ฉบับที่ 3

“ประทับใจเป็นบ้า” เป็นโพสต์ที่เราเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เราประทับใจในเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ สถานที่ เพลง อาหาร หรือสัตว์ประหลาดที่ได้พบ บางอย่างอาจจะมีคำบรรยายสั้นๆ บางอย่างก็อาจจะไม่มี แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ประทับใจทั้งนั้นเลย

JunkCall.org
เราเป็นคนไม่ค่อยรับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่รู้จักเท่าไหร่ เวลาที่เผลอรับก็มักเป็นมิจฉาชีพโทรมาหลอกหรือไม่ก็พนักงานส่งพัสดุ ในกรณีหลังถ้าเราไม่รับโทรศัพท์เค้าก็จะวางพัสดุไว้ที่ชั้นวางพัสดุของอพาร์ตเมนต์เลย แต่การไม่รู้ว่าใครโทรมาก็มักทำให้รู้สึกไม่สบายใจ กังวลว่าอาจเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ

เว็บ JunkCall คือทางออกของปัญหานี้ เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ที่โทรมาลงไป ก็จะได้ผลลัพธ์ออกมาว่าเป็นเบอร์ของใคร (ข้อมูลมาจากการรายงานของผู้ใช้งานเว็บรายอื่น) ถ้าเห็นว่าเป็นเบอร์ที่เชื่อถือได้เราก็โทรกลับหรือไม่ก็รอรับโทรศัพท์เวลาที่เค้าโทรมาอีกครั้งเท่านั้นเอง

Haters
Paul Graham เขียนอธิบายลักษณะของ Haters รวมถึงวิธีจัดการกับคนประเภทนี้ได้ดีมาก เรื่องวิธีจัดการคงหาอ่านจากที่อื่นได้อย่างเหลือเฟือ แต่การอธิบายเบื้องลึกของคนประเภทนี้ได้อย่างละเอียดและเข้าใจง่ายไม่น่าจะมีให้เห็นได้บ่อยๆ ซึ่งการเข้าใจเรื่องนี้ทำให้ได้เห็นว่าเราเองก็เป็น Haters คนหนึ่งกับเรื่องบางเรื่องเหมือนกัน และความรู้ที่ได้ก็สามารถนำมาใช้จัดการกับตัวเองได้ด้วย

Shantaram
แน่นอนว่าศานตารามเวอร์ชันซีรีส์เทียบกันไม่ได้กับเวอร์ชันหนังสือ แต่ถึงอย่างไรในฐานะซีรีส์เรื่องหนึ่งก็ทำออกมาได้สนุกจนอยากดูต่อไปจนจบ แม้จะมีอะไรหลายอย่างที่ขัดใจ แต่สิ่งที่ยังมีอยู่และทำได้ดีมากก็คือเคมีระหว่างลินกับคาร์ลา ตัวเอกทั้งสองคนของเรื่องนี้

Focus for YouTube
เราใช้ YouTube เพื่อฟังเพลงหรือเข้าไปดูวิดีโอจากบางช่องเป็นประจำ แต่สิ่งที่เราไม่ชอบอยู่อย่างของการเข้า YouTube บน MacBook ก็คือการที่หน้าหลักของเว็บมักจะแนะนำวิดีโอน่าสนใจมากมายที่ทำให้เราอยากดู ทำให้เราเสียสมาธิหรือเสียเวลามากกว่าที่ควรเพราะเผลอคลิกเข้าไปดู นอกจากนี้เจ้าของช่องจำนวนมากที่เราไม่ได้ติดตามยังนิยมสร้างภาพปกของวิดีโอที่เรียกความสนใจแต่เราไม่ได้อยากรู้และกลายเป็นการสปอยล์อยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่นในเกมตำนานนักปลาอาจมีปลาที่เป็นความลับสุดยอด ถ้าเล่นจนไปเจอเองก็จะเซอร์ไพรส์มาก แต่เจ้าของช่องพวกนี้มักจะเอาปลาที่ควรจะเป็นความลับนี่แหละมาวางใส่ในภาพหน้าปกแล้วก็ตั้งชื่อวิดีโอประมาณว่า “เฮ้ย! สุดยอดปลาลับในตำนานนักปลา” ซึ่งเราที่บังเอิญไปเห็นก็จะไม่สนุกกับการเจอปลาตัวนี้อีกต่อไปเพราะความลับได้ถูกทำลายลงไปอย่างน่าเสียดาย

Focus for YouTube เป็นแอปที่สามารถดาวน์โหลดได้จาก App Store ซึ่งจะมาช่วยแก้ปัญหานี้ ด้วยการตั้งค่าให้ Safari บล็อกสิ่งต่างๆ ที่เราไม่อยากเห็นบน YouTube นับตั้งแต่วิดีโอที่แนะนำ ภาพปก ไปจนถึงคอมเมนต์

ประทับใจเป็นบ้า ฉบับที่ 2

“ประทับใจเป็นบ้า” เป็นโพสต์ที่เราเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เราประทับใจในเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ สถานที่ เพลง อาหาร หรือสัตว์ประหลาดที่ได้พบ บางอย่างอาจจะมีคำบรรยายสั้นๆ บางอย่างก็อาจจะไม่มี แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ประทับใจทั้งนั้นเลย

Mobile Suit Gundam the Witch from Mercury – PROLOGUE
หากนับตามลำดับปีที่ฉาย เรารู้สึกว่าไม่มีอนิเมะกันดั้มภาคหลักทางโทรทัศน์ที่สนุกอีกเลยนับตั้งแต่ภาค 00 เมื่อ 15 ปีที่แล้ว แต่เราประทับใจกับตอน Prologue ของ The Witch from Mercury มาก ดูแล้วน้ำตาซึม ตื่นเต้นอยากดูตอนฉายจริงเร็วๆ ถ้าตอนที่เหลือทำได้ดีแบบตอนนี้ก็คงจะมีกันดั้มที่ชอบที่สุดเพิ่มขึ้นอีกภาคแน่นอน (รวมถึงมีกันพลาเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยหนึ่งตัวด้วย)

Top Gun: Maverick

Everything Everywhere All At Once
รัก

Ram Dass – Here and Now – Ep. 207 – Getting Free with Karma Yoga

IFTTT
เอาไว้ตั้งโปรแกรมให้แอปทำสิ่งต่างๆ แทนเจ้าของบัญชีหรืออุปกรณ์ เราใช้เตือนเมื่อ Nintendo แจ้งข่าวการออกอากาศ Nintendo Direct ครั้งใหม่ คือ Nintendo เนี่ยมักจะแจ้งข่าว Live เปิดตัวเกมของตัวเองก่อนการออกอากาศแค่หนึ่งวันเพื่อเซอร์ไพรส์คนดู แต่คนที่ไม่ได้ติดตามข่าวเกมทุกวันแบบเรามักจะมารู้ข่าวเมื่อออกอากาศไปแล้ว การหาข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการออกอากาศมักจะโดนสปอยล์จากเว็บข่าวเกมเกี่ยวกับข่าวลือ (หากเป็นก่อนการออกอากาศ) หรือเกี่ยวกับสิ่งที่ประกาศไปแล้ว (หากเป็นหลังการออกอากาศ) ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากเพราะเห็นตั้งแต่หัวข้อข่าวหรือภาพข่าวที่ใช้ และ IFTTT คือคำตอบสำหรับปัญหานี้

วิธีการคือเราสั่งให้แอปใช้ Twitter ของเราเข้าไปค้นหาใน Twitter ของ NintendoAmerica และแจ้งเตือนเราเมื่อมีการทวีตคำว่า “direct” หรือ “roughly” ซึ่งเป็นสองคำที่ถูกใช้เมื่อมีการแจ้งข่าว Nintendo Direct (หลายครั้งคำว่า Direct อยู่ในรูปแบบ Hashtag ทำให้ค้นหาไม่เจอ) แบบนี้เราจะไม่ต้องมาคอยเช็กตลอดเวลาว่าจะมีการออกอากาศวันไหน ประหยัดเวลา เลี่ยงการโดนสปอยล์ และยังได้รู้ข่าวพร้อมกับคนอื่น

スーパーペイントロジック
Super Paint Logic เป็นนิตยสารรวมพัซเซิลแบบ Nonogram (Picross) วิธีเล่นคล้ายซูโดกุ แต่ Nonogram ใช้การระบายสีหรือฝนดินสอแทนการเขียนตัวเลข พอเล่นจนจบจะได้ออกมาเป็นภาพที่ไม่ซ้ำแบบกันในแต่ละพัซเซิล ทำให้รู้สึกพอใจมากกว่าซูโดกุที่เล่นจบแล้วก็คือจบ

ภาพที่ออกมาจาก Super Paint Logic จะเป็นพวกตัวละครจากเกม มังงะ อนิเมะ หรือไม่ก็อะไรน่ารักๆ (เราเจอร็อคแมน ราชันย์แห่งภูต เซเลอร์มูน หนุ่มเย็บผ้ากับสาวนักคอสเพลย์ ยูเอฟโอ แล้วก็ตัวทานูกิ)

นิตยสารราคาเล่มละ 900 เยน ในเล่มมี 111 พัซเซิล แต่ละพัซเซิลเล่นจนลืมเวลาในระดับเดียวกับการต่อกันพลาหรือเล่นเกม หลายครั้งตั้งใจจะเล่นแค่ชั่วโมงเดียวแต่ดูเวลาอีกทีก็ห้าชั่วโมงเข้าไปแล้ว!

กาวยาแนวสำเร็จรูป iFix

อพาร์ตเมนต์ที่เราอยู่เคยส่งช่างมายาแนวกระเบื้องห้องน้ำแล้วสองรอบเพราะว่าน้ำหยดลงไปด้านล่าง ถึงอย่างนั้นยาแนวที่ทำใหม่ก็เริ่มหลุดออกไปเรื่อยๆ เราเลยหาทางที่จะยาแนวห้องน้ำด้วยตัวเอง ไม่อยากให้ช่างเข้ามาซ่อมแซมสิ่งต่างๆ ในห้อง เราค้นหาจนไปเจอกับกาวยาแนวสำเร็จรูปยี่ห้อจระเข้ ซึ่งบอกตามตรงว่าเราไม่คิดว่าจะได้ผล ถ้าลำพังแค่การบีบกาวยาแนวจากหลอดด้วยมือก็ซ่อมแซมห้องน้ำได้ จะยังต้องมีอุปกรณ์ยาแนวแบบที่ต้องผสมหรือแบบที่ต้องใช้เครื่องมือยิงจากหลอดไปเพื่ออะไร ความเห็นจากผู้ซื้อใน Shopee ก็ดูจะยืนยันความคิดนี้ เหล่าผู้ให้คะแนนห้าดาวล้วนเป็นผู้ที่รับของมาแต่ยังไม่ได้ใช้ ส่วนเหล่าผู้ใช้ล้วนให้คะแนนสามดาวเพราะไม่ได้ผล แต่สุดท้ายเราตัดสินใจลองดูเพราะวิธีอื่นล้วนยากลำบากกว่านี้ แล้วราคากาวยาแนวก็ไม่ได้สูงมาก

ผ่านมาแล้วสองอาทิตย์ยาแนวที่เราทำเองจากการบีบหลอดยังคงอยู่ทนแม้จะโดนน้ำจากฝักบัวฉีดทุกวัน แต่ยาแนวที่น่าจะเกิดจากการผสมปูนกับน้ำที่ช่างมาทำไว้เริ่มหลุดออกไปเรื่อยๆ และคงต้องเอากาวยาแนวสำเร็จรูปไปแก้ไขใหม่ในไม่ช้า

ประทับใจเป็นบ้า ฉบับที่ 1

“ประทับใจเป็นบ้า” เป็นโพสต์ที่เราเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เราประทับใจในเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ สถานที่ เพลง อาหาร หรือสัตว์ประหลาดที่ได้พบ บางอย่างอาจจะมีคำบรรยายสั้นๆ บางอย่างก็อาจจะไม่มี แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ประทับใจทั้งนั้นเลย

House of the Dragon
ซีรีส์ภาคต่อของ Game of Thrones ที่เป็นเหตุการณ์ก่อนหน้าประมาณ 200 ปี คุณภาพดีเหมือนเดิม เราดูไปได้สองตอนและรู้สึกชอบมากกว่า Game of Thrones เพราะมีตัวละครที่เรารู้สึกผูกพันและคอยติดตามทันทีหลายตัว ในขณะที่ใน Game of Thrones เราไม่ผูกพันหรือติดตามตัวละครไหนเป็นพิเศษเลย

Under the Banner of Heaven
ซีรีส์สืบสวนที่สร้างจากหนังสือชื่อเดียวกันของ Jon Krakauer เราดูเทรลเลอร์แล้วเฉยๆ แต่ไปเห็นชื่อซีรีส์เรื่องนี้อีกทีในบทความเกี่ยวกับ Psychedelic ก็เลยหามาดู (ก็ได้วะ) ตัวละครมีสเน่ห์ เนื้อเรื่องน่าติดตาม สนุกอย่างไม่คาดคิด

Café Direct Machu Picchu
กาแฟสำเร็จรูปที่เอามาชงเป็นกาแฟดำแล้วรสชาติดีกว่ายี่ห้ออื่นอย่างเห็นได้ชัด เราเคยเขียนแนะนำกาแฟสำเร็จรูปของ Little’s ไป แต่ว่าเดือนที่ผ่านมาของหมดก็เลยต้องหาซื้อยี่ห้ออื่น ในขณะที่กาแฟของ Little’s ให้รสชาติเบาๆ แบบกาแฟฟิลเตอร์ แต่กาแฟตัวนี้ของ Café Direct ให้รสชาติเข้มๆ แบบกาแฟสำเร็จรูปแย่ๆ แต่เป็นรสชาติแย่ๆ ที่ดีพอสำหรับการดื่มโดยไม่ต้องเติมนมหรือน้ำตาล

ถุงเติมครีมอาบน้ำ Bouncia
Bouncia เป็นครีมอาบน้ำจากญี่ปุ่น เราซื้อมานานแล้วแต่ว่ามันเพิ่งหมดก็เลยเอาถุงเติมที่แถมมาออกมาใช้ ในขณะที่กำลังจะหยิบกรรไกรออกมาตัดปากถุงตามความเคยชิน ก็พบว่าด้านหลังถุงเติมบอกให้ฉีกปากถุงได้เลย หลังจากนั้นให้พับปากถุงเป็นรูปกรวยตามภาพก็จะใส่ลงในปากขวดได้พอดี สุดยอด! ไม่แน่ใจว่าการพับปากถุงเป็นรูปกรวยนี่ถุงเติมสบู่ทั่วๆ ไปทำได้ไหม แต่ก็เป็นการให้ข้อมูลผู้ใช้ที่ดีมากเลย เพราะมันสมองทั่วๆ ไปอย่างเราคิดเองไม่ออกแน่ๆ

Merry Christmas Mr. Lawrence – FYI
เพลงของ Utada Hikaru จากอัลบั้มเดียวกับเพลง Come Back to Me เหมาะกับการกด Loop ให้เล่นซ้ำบน YouTube แล้วฟังตอนทำงาน

รายชื่อผลงานของอาจารย์ จุนจิ อิโต้ ฉบับลิขสิทธิ์ทั้งหมด

เราเป็นแฟนผลงานของอาจารย์ Junji Ito ผู้เขียนการ์ตูนซีรีส์คลังสยอง แต่ผลงานของอาจารย์ฉบับลิขสิทธิ์แปลไทยค่อนข้างจะตามยากอยู่หน่อยตรงที่พออาจารย์ไม่ได้เขียนการ์ตูนเรื่องยาว แต่ออกเป็นเรื่องใหม่ ชื่อใหม่ เล่มเดียวจบบ้าง สองสามเล่มจบบ้าง บางทีพอมีผลงานออกใหม่ก็ไม่รู้ว่าออกมาแล้ว พอมารู้ตัวอีกทีก็อาจจะหาซื้อยากแล้ว ในโพสต์นี้เราเลยรวบรวมผลงานทั้งหมดของอาจารย์ที่ได้รับการแปลเป็นภาษาไทย ลิขสิทธิ์ถูกต้อง รวมถึงลิงก์ไปยังผลงานบนเว็บไซต์ทางการของสำนักพิมพ์ เพื่อให้ง่ายต่อการตามหา เรื่องที่ควรรู้อีกอย่างคือหลายๆ ครั้งสต็อกสินค้าของสำนักพิมพ์อาจหมดไปนานแล้ว อาจต้องตามหาซื้อทางช่องทางอื่น

รายชื่อผลงานจะแยกตามสำนักพิมพ์และเรียงตามลำดับตัวอักษร

Luckpim


NED Comics

  • Black Paradox เว็บไซต์มรณะ
  • ก้นหอยมรณะ
  • ปลามรณะ เล่ม 1 – 2
  • เรมิน่า ดาวมรณะ


Siam Inter Comics

  • บันทึกน้องเหมียวของอิโต จุนจิ
    (เล่มนี้มีการพิมพ์ทั้งหมดสองเวอร์ชัน ของเดิมเป็นไซส์ปกติราคา 45 บาท ส่วนที่มีขายในปัจจุบันจะเป็นไซส์ Big Book ราคา 125 บาท ใช้กระดาษ Green Read และมีหน้าสีเพิ่มมากกว่าเดิม)
  • มิมิคนเห็นผี

อ้างอิง
1. ข้อมูลตอนที่ซ้ำกับเล่มอื่นของ “รวมเรื่องสั้น อิโต้ จุนจิ BEST of BEST” จากเพจ อิโต้ จุนจิ (Junji Ito)
2. ข้อมูล “บันทึกน้องเหมียวของอิโต จุนจิ” จากเพจ อิโต้ จุนจิ (Junji Ito)

ว่าด้วยการผูกมิตรกับหมา

ปุยเป็นหมาบางแก้วที่เราไม่ค่อยชอบหน้ามันเท่าไหร่ ด้วยเหตุผลหลักสองประการ ประการแรกคือที่บ้านตั้งชื่อมันซ้ำกับปุกปุยซึ่งเป็นหมาเชาเชาที่เรารักมากและจากโลกนี้ไปแล้ว ประการที่สองคือตอนที่มันย้ายสำมะโนครัวเข้ามา เราอยู่กรุงเทพเป็นหลัก ก็เลยไม่ค่อยผูกพันกันเท่าไหร่ ช่วงที่เราย้ายกลับไปอยู่บ้าน ความสัมพันธ์ของเราเหมือนจะดีขึ้นมาหน่อย เพราะปุยมีท่าวิ่งเหยาะแบบที่หมาน่ารักมักจะทำกัน และยังชอบมานอนแหมะใกล้ๆ เราตอนเรายกคอมไปนั่งเขียนหนังสือข้างนอก อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ของเราก็มีอันต้องจบลงเมื่อเราพบว่าที่มันมานอนแหมะเพราะมันจะหาโอกาสเข้าบ้านมาพร้อมกับเราเพื่อไปหาพ่อเราเท่านั้นเอง วิ่งแทรกตัวเข้ามาทั้งๆ ที่ประตูยังเปิดไม่สุด ราวกับเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแก่งแย่งขึ้นบีทีเอส เราปฏิเสธที่จะหลงกลมารยาหมาตัวนี้อีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว และตั้งใจว่าจะไม่ให้ขาทั้งสองข้างของเราตกเป็นทาสสวาทของมันอีก

เมื่อต้นปีเรากลับไปบ้าน ไปอยู่ใกล้ๆ พ่อที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ปุยจำเราไม่ได้ ก็เลยแยกเขี้ยวใส่ ส่งเสียงคำรามเพื่อบอกให้รู้ว่าสุนัขพันธ์ุบางแก้วนั้นสืบสายเลือดมาจากสุนัขป่า หรืออันที่จริงมันก็จำเราได้น่ะแหละ แต่ว่าสถานะของเราสองตัวเปลี่ยนไปแล้ว แม่บอกให้เราเอาขนมหมาในบ้านไปโยนให้มันกิน เราเอาไปโยนให้ เดินตากแดดออกไปโยนให้ ปุยยังคงมีท่าทีเช่นเดิมและปล่อยขนมทิ้งไว้ให้มดค่อยๆ มาขนกลับไปจัดปาร์ตี้ที่บ้าน เรามองหน้ามัน และเดินกลับเข้าบ้าน ไม่คิดจะถือสาหาความ ไม่ได้โกรธเคืองอะไรกับสัตว์ที่ได้แต่อาศัยบ้านเค้าอยู่แล้วยังไม่รู้สึกสำนึกบุญคุณมีคนเอาอาหารให้กินแล้วก็ยังไม่แดกไม่รู้จักเสียดายอาหารที่แม่เราทำงานอย่างยากลำบากหาเงินซื้อมาถ้าไม่มีกินเมื่อไหร่แล้วอย่ามานึกเสียใจทีหลังก็แล้วกัน

ประมาณหนึ่งอาทิตย์ต่อจากนั้นโยก็มาเยี่ยมพ่อด้วย ถ้าไม่นับผ้าห่มที่เราซักปีละครั้ง โยน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีกลิ่นของเราติดอยู่เยอะที่สุด ปุยจึงทักทายโยด้วยการแยกเขี้ยวใส่ ส่งเสียงคำรามเพื่อบอกให้รู้ว่าสุนัขพันธ์ุบางแก้วนั้นสืบสายเลือดมาจากสุนัขป่า โยที่ซึบซับความจิตใจดีไปจากเราไม่ถือโทษโกรธปุยเหมือนกัน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือโยเชื่อว่าที่ปุยไม่กินขนมหมาเพราะมันไม่ได้อร่อยขนาดนั้น โยจำได้ว่าครั้งก่อนที่มาบ้าน ปุยก็ยังกินขนมหมาที่ซื้อมาให้อยู่เลย เพราะแบบนั้นวันถัดมาโยเลยกลับมาพร้อมกับ JerHigh ขนมที่โยทำการศึกษามาแล้วว่าหมาๆ ชอบ

การเอาอาหารไปให้ปุยของโยก็ดำเนินรอยตามเรา นั่นคือนอกจากจะต้องเดินฝ่าแดดออกไป ยังต้องมาเจอหมาที่ตัวเองกำลังจะเอาขนมไปให้ขู่กรรโชกอีก โยยื่นขนมหมารูปทรงเบคอนไปด้านหน้าปุย ปุยหยุดแยกเขี้ยวทันที เลียปากตัวเองอย่างหิวกระหาย แต่เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่กำลังยื่นขนมให้ก็กลับมาแยกเขี้ยวอีกครั้ง แล้วก็เผลอเลียปากตัวเองอีก พอรู้ตัวก็กลับไปแยกเขี้ยวอีก โยที่จริงๆ แล้วก็ยังกล้าๆ กลัวๆ ตัดสินใจวางขนมสอดใต้ประตูรั้วแล้วเดินถอยออกมา เพื่อให้ปุยตัดสินใจได้ดีขึ้น แทนที่จะต้องมาคอยแยกเขี้ยวสลับกับการเป็นหมาอยากหม่ำแบบนี้ เราแน่ใจว่าขนมของโยจะต้องอยู่เป็นเพื่อนขนมของเราที่โยนเอาไว้เมื่อวันก่อน กลายเป็นของประดับบ้านหมา เป็นหลักฐานแสดงถึงศักดิ์ศรีที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด แต่แล้วปุยก็คาบขนมเบคอนหนีไปทันทีที่โยหันมาคุยกับเรา

ปุยเอาขนมเบคอนไปวางไว้ที่สนามหญ้าใกล้ๆ แล้วหันกลับมามองว่ามีใครแอบมองอยู่หรือเปล่า ซึ่งแน่นอนว่ามี ปุยรอสักพัก เมื่อแน่ใจแล้วว่าการแอบมองจะไม่สิ้นสุดลงแน่ๆ ปุยจึงก้มหน้าเขมือบขนมตรงหน้าด้วยความเอร็ดอร่อย หันหลังให้ เพื่อไม่ให้ดูเสียฟอร์มจนเกินไป หลังจากหม่ำๆ ขนมจนหมด ปุยวิ่งกลับมาที่เดิม โยยื่นขนมชิ้นใหม่ให้ ปุยคาบหนีไปที่สนามหญ้า หันหลังกินขนม วิ่งกลับมาคาบขนมชิ้นใหม่ ทำแบบนี้จนกระทั่งขนมหมดถุง การพยายามผูกมิตรกับปุยของพวกเราในวันนี้จบลงแต่เพียงเท่านี้ เราต่างแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเอง เพียงเพื่อที่จะพบว่าเช้าวันถัดมานั้นปุยยังคงแยกเขี้ยวและคำรามใส่เหมือนคนไม่รู้จักกัน มิตรภาพระหว่างคนกับหมาไม่มีอยู่จริง

คนที่มาบ้านเราน่าจะคิดแบบเดียวกันว่า นอกจากพ่อ แม่ และน้องชายเรา คนที่เหลือล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูของปุย เป็นธรรมชาติของบางแก้วที่จะเชื่องเฉพาะกับเจ้าของเท่านั้น แม้แต่น้องสาวเราที่อยู่บ้านเดียวกับปุยเป็นเวลาหลายปีก็ยังต้องคอยดูว่าปุยถูกปล่อยออกมาข้างนอกหรือว่าโดนขังไว้อยู่ แต่แม้จะโดนแยกเขี้ยวใส่โยก็ยังเอาขนมไปให้มันทุกวัน แต่ละครั้งปุยดูจะลดความไม่เป็นมิตรลงเรื่อยๆ เริ่มจากไม่เสียเวลาหันหลังเพื่อกินแบบแอบๆ พัฒนาไปเป็นการกินมันตรงนั้นไม่เสียเวลาวิ่งไปไกลๆ จนในที่สุดก็ใช้การสั่นหางดีใจเมื่อเจอหน้าโยแทนที่จะแยกเขี้ยว ขนมอร่อยๆ หมดไปแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเท่าไหร่ เพราะโยเปลี่ยนกิจกรรมจากการออกไปให้อาหารปุยเป็นการออกไปเล่นกับปุยแทน

ตลอดหลายวันที่โยมาอยู่บ้าน เราได้เห็นปุยทำพฤติกรรมที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน วิ่งด้วยความเร็วสูงจนขาหลังสไลด์ไปกับพื้น นอนยิ้มตาเยิ้มเหมือนหมาในการ์ตูนตอนที่โดนลูบหน้าอก ซอยขายิกๆ อย่างดี๊ด๊าเวลาจะได้ออกไปเดินเล่น ไปจนถึงการทำสีหน้าที่เหมือนจะบอกว่าอย่ามายุ่งกับเค้าตอนนี้เลย เราไม่รู้ว่าถ้าไม่มีขนมอร่อยๆ โยจะสนิทกับปุยได้ขนาดนี้ไหม แต่เราคิดว่าขนมอร่อยๆ เพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอแน่ๆ จากนี้ปุยจะยังคงถูกขังไว้ในพื้นที่ของมันต่อไปเมื่อมีแขกมาบ้าน เพื่อปกป้องคนอื่นๆ จากการทำหน้าที่หมาเฝ้าบ้านที่ดีเกินไปของมัน คงไม่มีใครกล้าให้คนที่มาบ้านถือขนมไว้เพื่อป้องกันตัวเอง

ถ้าให้เราวิเคราะห์ในฐานะผู้มีประสบการณ์ในการโดนหมาที่บ้านตัวเองขู่เข็ญมาก่อน เราคิดว่าสิ่งที่โยทำกับปุยอาจเป็นเพียงแค่การทำให้มันมีความสุขขึ้น เคล็ดลับของการเป็นที่รักของคนหรือหมาอาจเป็นเรื่องง่ายๆ อย่าง “อยู่ด้วยแล้วมีความสุข” เรื่องขั้นตอนและวิธีการเราไม่แน่ใจเท่าไหร่ อาจแตกต่างกันไปสำหรับหมาแต่ละตัว ช่วงเวลาที่โยมาอยู่บ้านเราสำหรับปุยแล้วไม่ใช่เพียงเวลาของขนมอร่อยเท่านั้น แต่ยังหมายถึงเวลาของการแปรงขน ของการเติมน้ำในโอ่งที่ปุยชอบลงไปแช่ ของการพาไปเดินเล่นทุกเย็น ของการถูกเรียกชื่อด้วยความห่วงใย ของความผิดปกติที่มันน่าจะยินดีให้เกิดขึ้น

สงครามห่วงยาง กีฬาลึกลับแห่งวันเวลาที่เด็กผู้ชายยังเล่นโดดยาง

ผมคิดมาตลอดว่าผมเกลียดกีฬาทุกชนิด แต่ความทรงจำในวัยเด็กที่จู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวบอกผมว่านั่นไม่เป็นความจริง จริง ๆ แล้วมีกีฬาที่ผมไม่ใช่แค่ไม่เกลียด แต่ยังชอบมาก ชอบจนมีอุปกรณ์กีฬาเป็นของตัวเอง ชอบจนครั้งหนึ่งต้องสอนกติกาของกีฬานี้ให้กับเพื่อนในหมู่บ้านที่เรียนกันคนละโรงเรียนและไม่เคยเล่นมาก่อน กีฬาที่ว่ามีชื่อว่า ‘ปาห่วงยาง’ (หรือไม่ก็ ‘โยนห่วงยาง’ ผมไม่แน่ใจ)

ก่อนจะไปถึงเหตุผลว่าทำไมผมถึงชอบการเล่นกีฬาชนิดนี้ ผมขอเล่ากติกาและอุปกรณ์ที่ใช้ให้ฟังก่อน

อุปกรณ์: ห่วงยางอันเล็ก ๆ แบบที่เอาไว้ใช้เล่นเกมโยนห่วง
สถานที่: ที่โล่ง ถ้าที่พื้นมีเส้นแบ่งเขตที่ทำให้กำหนดพื้นที่ได้ก็จะดีมาก
กติกา:
1. กีฬาชนิดนี้เล่นเป็นทีม แบ่งเป็นสองทีม ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น ขอแค่แต่ละฝั่งมีจำนวนผู้เล่นเท่ากันก็พอ
2. กำหนดว่าฝั่งไหนจะเป็นฝั่งหนีหรือเป็นฝั่งปาห่วง ซึ่งฝั่งหนีเป็นฝั่งที่ได้รับความนิยมมากกว่า
3. ฝั่งหนีจะคอยวิ่งอยู่ตรงกลาง ไหนขณะที่ฝั่งปาห่วงจะยืนขนาบทั้งสองข้าง
4. ถ้าฝั่งหนีโดนปาห่วงใส่ ไม่ว่าที่ส่วนใดของร่างกาย คนที่โดนต้องออกจากสนาม หากผู้เล่นฝั่งหนีโดนออกจากสนามหมดก็ถือว่าจบเกม ฝั่งปาห่วงได้สลับมาเล่นเป็นฝั่งหนี
5. พื้นที่ตรงกลางที่ใช้วิ่งหนีจะหดแคบลงเรื่อย ๆ ตามจำนวนผู้เล่นฝั่งหนีที่เหลือในสนาม แล้วแต่ตกลงกันว่าจะขยับตอนไหน (การมีพื้นที่มีเส้นแบ่ง หรือมีกระเบื้องที่ทำให้กำหนดความกว้างของพื้นที่ได้อย่างแม่นยำจึงมีประโยชน์มาก)
6. ถ้าฝั่งหนีสามารถรับห่วงที่ปาใส่ตัวเองได้ จะสามารถตะโกนว่า “หยุด” หลังเสียงตะโกนฝั่งปาห่วงจะต้องหยุดอยู่กับที่ จากนั้นคนที่รับห่วงได้จะสามารถเลือกช่วยเพื่อนที่ออกจากสนามไปแล้วได้ โดยเลือกเพื่อนที่จะช่วย จากนั้นเลือกฝั่งปาห่วงที่จะปาห่วงใส่ ถ้าปาห่วงใส่แล้วคนนั้นรับไม่ได้ก็จะสามารถช่วยเพื่อนกลับเข้ามาในสนามได้สำเร็จ (เนื่องจากสนามจะหดแคบลงตามจำนวนฝั่งหนี การช่วยเพื่อนแบบนี้มักจะเกิดขึ้นในเวลาที่ผู้เล่นเหลือน้อยแล้ว เพราะหากสนามกว้าง การจะปาห่วงใส่ฝั่งปาห่วงที่อยู่ไกลออกไปจะเป็นเรื่องยาก)

ด้วยอุปกรณ์ที่มีไม่มาก ไม่จำเป็นต้องใช้สนามเฉพาะ และจำนวนผู้เล่นที่ยืดหยุ่น ทำให้กีฬาชนิดนี้สามารถเล่นได้ทุกที่ ทุกเวลา และยังแตกแขนงไปในรูปแบบอื่นที่กติกาคล้ายกัน อย่างการใช้ลูกปิงปอง (ต้องใช้ทักษะมากกว่า และยิ่งปาแรงยิ่งเจ็บ ในขณะที่ห่วงยางไม่เจ็บขนาดนั้น) หรือการใช้รองเท้า (เปลี่ยนมานั่งเล่นกับพื้นอาคาร แล้วใช้การสไลด์รองเท้าไปตามพื้นแทน ไม่มีกติกาช่วยเพื่อน) ผมไม่แน่ใจว่าการใช้รองเท้า ลูกปิงปอง หรือห่วงยาง อะไรเกิดก่อน อะไรไปยืมไอเดียมาจากอะไร หรือแม้กระทั่งว่าทั้งหมดนี้คือการดัดแปลงกีฬาอย่างดอดจ์บอลหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ มันเป็นกีฬาที่สนุกมาก ทำให้รู้สึกว่ากำลัง ‘เล่น’ มากกว่ากำลัง ‘แข่งขัน’

ผมเป็นคนไม่ค่อยแอกทีฟเท่าไหร่ เวลาเล่นกีฬาผมมักจะยืนเฉย ๆ ทำให้เพื่อนไม่ค่อยส่งบอลให้ และในเวลาที่เพื่อนเผลอส่งบอลให้ก็พิสูจน์ตัวเองอย่างรวดเร็วว่าไม่คู่ควรกับบอลที่ส่งให้เลย ด้วยเหตุนี้เวลาเล่นกีฬาทีมผมมักจะเป็นตัวสำรอง หรือเป็นคนท้าย ๆ ที่เพื่อนจะเลือกเข้าทีมเสมอ แต่กับเกมปาห่วงสิ่งที่ทำแค่ต้องวิ่งหนีหรือไม่ก็ปาห่วงใส่ฝั่งตรงข้าม การทำพลาดไม่ได้มีผลต่อคะแนน ไม่ได้มีผลต่อชัยชนะของทีม และหลายครั้งจำนวนผู้เล่นก็ค่อนข้างยืดหยุ่น ไม่จำเป็นต้องเท่ากันเสมอไป ถ้าหารไม่ลงตัวการมีคนที่เล่นกีฬาไม่เก่งเพิ่มเข้ามาอีกคนก็ไม่ได้ทำให้ทั้งสองฝ่ายมีปัญหา

ช่วงต้นเกมจะเป็นช่วงชลมุน เนื่องจากฝั่งหนีมีเยอะ การจะปาห่วงให้โดนใครสักคนไม่ใช่เรื่องยาก เป็นช่วงที่ฝีมือทางด้านกีฬาสามารถถูกลบล้างด้วยดวงได้ง่าย ๆ ซึ่งแน่นอนว่าเข้าทางผมเป็นอย่างดี

ช่วงท้ายเกมจะเป็นช่วงที่ยากเป็นพิเศษ ฝั่งปาห่วงจะเริ่มสรรหาเทคนิคต่าง ๆ มาเพื่อกำจัดผู้เล่นที่เหลืออยู่ ที่แม้พื้นที่จะแคบลง แต่ก็ปาให้โดนได้ยากขึ้น เพราะวิ่งได้อย่างอิสระ เทคนิคที่ว่ามีตั้งแต่การหลอก หรือการรับส่งห่วงอย่างรวดเร็ว การเพิ่มความแรง บางคนก็คิดท่าไม้ตายต่าง ๆ ให้ตัวเอง แต่ถึงแม้ว่าเกมจะยากขึ้น แต่ความกดดันกลับไม่ได้มากขึ้น คนที่เล่นกีฬาไม่เก่งอย่างผมกลับสนุกกับช่วงนี้มากขึ้นไปอีก บางครั้งผมเหลือเป็นคนสุดท้าย ซึ่งแน่นอนว่าเพื่อนไม่ได้คาดหวังอะไร เตรียมตัวสลับไปเป็นฝั่งปาห่วงกันเรียบร้อย แต่ช่วงนี้แหละที่บางทีผมก็บังเอิญรับห่วงได้ และถ้าผมบังเอิญช่วยเพื่อนเก่ง ๆ กลับมาได้สำเร็จ เพื่อนเก่ง ๆ นี่ก็แทบจะช่วยเพื่อนกลับมาได้ยกทีม

เกมปาห่วงยางเป็นเกมที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เป็นฮีโร่ ต่างกับกีฬาอื่น ๆ ที่ฮีโร่ไม่ได้เกิดในสนาม แต่ถูกกำหนดตั้งแต่นอกสนามอยู่แล้ว การที่คนขี้แพ้ในทีมตกอยู่ในสถานการณ์ชี้เป็นชี้ตายกับกีฬาส่วนใหญ่แล้วนี่คือสถานการณ์แห่งความน่าผิดหวัง แต่กับกีฬาปาห่วงยางนี่คือสถานการณ์แห่งความหวัง

ผมคิดว่าคงมีโอกาสน้อยเต็มทีที่จะได้กลับไปเล่นปาห่วงยางกับเพื่อนจำนวนมากอีก โลกเรามาถึงจุดที่เราไม่ต้องทำลายความน่าเบื่อด้วยกีฬาปลอม ๆ แบบนี้อีก ไม่จำเป็นต้องเผลอตัวไปเล่นโดดยางหรือหมากเก็บ ไม่จำเป็นต้องหาอะไรทำ มีอะไรให้ทำเสมอ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากลองเป็นฮีโร่ในสนามอีกสักครั้ง

ไม่รู้ว่าจะได้เล่นปาห่วงยางอีกเมื่อไหร่ แต่ยังไงผมก็คงต้องขอบคุณใครก็ตามที่คิดการเล่นปาห่วงยางขึ้นมา ในตอนนั้นนอกจากการทำข้อสอบให้ได้คะแนนสูงกว่าคนอื่นแล้วผมก็แทบไม่รู้สึกว่าผมมีดีอะไรเลย อันที่จริงการทำข้อสอบให้ได้คะแนนดีก็แทบไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร และผมก็ไม่ได้มีทางเลือกมากมาย การได้คะแนนน้อยมาพร้อมกับคำตำหนิ ความโกรธเกรี้ยว และอิสรภาพที่ลดลง การเล่นปาห่วงยางเป็นสิ่งที่ผมเลือกได้ว่าจะทำหรือไม่ทำ และเวลาที่ทำได้ดีก็ทำให้รู้สึกดีจริง ๆ

สร้างสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง (หรือเลิกทำลายสิ่งที่เหมาะกับตัวเองอยู่แล้ว)

เราอ่านบทสัมภาษณ์อาจารย์จุนจิ อิโต้ในหนังสือ ‘สู่ก้นบึ้งแห่งความสยอง เจาะลึก อิโต้ จุนจิ’ ด้วยความผิดหวังนิดหน่อย เพราะเคยอ่านบทสัมภาษณ์คนอื่นแบบที่เจาะลึกมากกว่านี้มาก่อน เราเลยคาดหวังว่าจะได้เห็นอะไรแบบนั้นในหนังสือเล่มนี้ ได้เห็นวิธีคิด วิธีทำงาน โดยละเอียด ของปรมาจารย์การ์ตูนสยองขวัญที่มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันกับเรา แต่บทสัมภาษณ์ในหนังสือก็ดูเป็นเป็นคำถามและคำตอบสั้น ๆ คร่าว ๆ ประหยัดเวลา ให้เราได้รู้อะไรหลายอย่าง อย่างละนิดอย่างละหน่อย แต่ไม่ได้รู้อะไรลึก ๆ จริง ๆ

คำถามที่ว่า “อาจารย์ไปเอาไอเดียมาจากไหน” ดูจะเป็นความลึกลับที่ผู้อ่านคงไม่มีวันได้รับคำตอบในเวลาอันใกล้ หรืออาจจะตลอดไป เราไม่แน่ใจว่าจุนจิ อิโต้รู้คำตอบ แต่เลือกที่จะไม่ตอบ หรือว่าจริง ๆ ก็เป็นเหมือนคนอื่น ที่เอาเข้าจริงก็ไม่รู้คำตอบนี้เหมือนกัน

อย่างไรก็ตามในหนังสือมีส่วนที่พาไปชมห้องทำงานของอาจารย์ ซึ่งเราไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะประสบการณ์ดูรายการทีวีประเภทพาไปชมบ้านคนดังก็ดูจะไม่ได้ให้อะไรมากไปกว่าความบันเทิง แต่เราคิดผิด ห้องทำงานของอาจารย์ทำให้เราเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการ DIY ที่เชื่อมาตลอดว่าหน้าที่ของ DIY คือการประหยัด หรือการเติมเต็มความต้องการลึก ๆ ในการลงมือทำอะไรบางอย่างด้วยตัวเอง เราไม่เคยมอง DIY ในแง่ของการสร้างสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่ในโลกนี้ให้เกิดขึ้น สิ่งที่เหมาะกับเรา

จุนจิ อิโต้ดัดแปลงเตียงสองชั้นให้เป็นที่ทำงาน ชั้นล่างเอาเตียงออกแล้วติดตั้งโต๊ะทำงานเข้าไป ชั้นบนปล่อยเป็นเตียงไว้ สามารถขึ้นไปงีบเวลาที่ต้องการพักได้ นอกจากนี้ราวเหล็กรองรับเตียงชั้นบนที่ในเวลานี้กลายเป็นเพดานห้องทำงานชั้นล่างยังสามารถใช้แขวนอะไรต่อมิอะไรเพื่อความสะดวกในการใช้งานได้ อะไรต่อมิอะไรนี่มีตั้งแต่ภาพที่ใช้อ้างอิงเวลาวาดการ์ตูน รีโมตแอร์ หรือปากกาเขียนการ์ตูน

ปากกาเขียนการ์ตูนที่อาจารย์แขวนไว้ไม่ได้แขวนเพื่อให้หยิบมาใช้ได้สะดวก แต่เป็นการแขวนไว้กับเชือกอีกที เพื่อให้ปากกาลอยขึ้นเหนือพื้น ซึ่งจะเป็นการลดน้ำหนักของปากกา และทำให้เขียนการ์ตูนได้นานขึ้นโดยที่มือไม่เจ็บ

(อาจารย์จุนจิ อิโต้ ผู้เขียนก้นหอยมรณะ ขณะกำลังวาดต้นฉบับที่โต๊ะทำงาน)

หลังจากเห็นห้องทำงานของอาจารย์ที่ทำหน้าที่เปิดเผยความคิดได้ดีกว่าบทสัมภาษณ์ เราก็เริ่มจะมองสิ่งรอบตัวแล้วถามตัวเองว่าเราสามารถดัดแปลงอะไรให้เหมาะกับเราได้อีก มีอะไรในชีวิตบ้างที่อาจจะเหมาะกับคนทั้งโลก แต่จริง ๆ แล้วไม่เหมาะกับเราเลย ขนมปังนุ่ม ๆ ดูจะเป็นอย่างแรกที่เราพบ

หลังจากกินขนมปังสไลซ์เราจะปิดปากถุงให้แน่นทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ขนมปังโดนลมและแข็ง แต่ว่าเอาเข้าจริงเราค้นพบมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าเราชอบกินขนมปังที่ผึ่งลมไว้จนแข็งมากกว่าขนมปังนุ่ม ๆ หลายร้อยเท่า ตอนที่ตั้งใจวางขนมปังทิ้งไว้ให้แข็งเพื่อจะเอาไปทำครูตองซ์ก็ยังรู้สึกดีที่ได้หั่นและจับขนมปังแข็ง ๆ และยังรอกินส่วนเกินที่หั่นทิ้งไม่ได้เอาไปใช้มากกว่าสิ่งที่ตั้งใจทำแต่แรกอีก

รู้สึกว่าโชคดีจังเลยที่ไม่ตายไปก่อนที่จะได้ค้นพบความจริงที่ตัวเองมองข้ามมาตลอด ต่อจากนี้เวลาเห็นขนมปังแถวคงรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พาขนมปังกลับบ้าน แกะออกจากถุง และวางทิ้งไว้ให้ขนมปังทั้งถุงเปลี่ยนสภาพไปเป็นขนมปังที่คนส่วนใหญ่มองว่ากินไม่ได้ แต่เป็นขนมปังที่อร่อยที่สุดสำหรับเรา

ยังมีอะไรอีกนะที่เราเปลี่ยนให้เหมาะกับตัวเองได้อีก มีอะไรอีกที่เหมาะกับตัวเองอยู่แล้วแต่เรากลับเปลี่ยนให้ไม่เหมาะกับตัวเองมาตลอด โดยไม่รู้ตัว ถ้าหาเจอก็คงใช้ชีวิตได้มีความสุขขึ้นอีกนิด


ภาพประกอบจากหนังสือ ‘สู่ก้นบึ้งแห่งความสยอง เจาะลึก อิโต้ จุนจิ’ โดย รักพิมพ์ พับลิชชิ่ง

แก้วกาแฟที่ไม่ทำให้รู้สึก

แก้วกาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานเราเป็นแก้วที่เราซื้อจาก IKEA ทำจากเซรามิก สีเทา มีหูจับ เหมาะกับการดื่มกาแฟเพราะสามารถจับแก้วได้โดยไม่รู้สึกร้อน ความร้อนจากเครื่องดื่มส่งมาไม่ถึงหูจับ ในแก้วมีกาแฟสำเร็จรูปรสชาติแย่ ๆ ที่เราเพิ่งเทน้ำร้อนใส่ลงไป สีของกาแฟสำเร็จรูปเวลาไม่ใส่น้ำตาลและครีมต่างจากสีของกาแฟสด กาแฟในแก้วตอนนี้ถ้าคนไม่รู้มาก่อนอาจคิดว่าเป็นเป๊ปซี่ ถ้าเราดื่มกาแฟจนหมดจะเห็นคราบสีน้ำตาลอยู่ด้านในแก้ว คราบนี้จะเข้มข้นเป็นพิเศษที่ก้นแก้ว

เรามักจะทิ้งแก้วกาแฟที่ดื่มเสร็จแล้วเอาไว้บนโต๊ะสักพัก ไม่ได้ล้างทันที และเวลาล้างก็ใช้เพียงสบู่ ใช้แค่มือถู ไม่ได้ใช้ใยขัด ซึ่งนานเข้าทำให้มีคราบกาแฟติดอยู่ที่แก้วที่คงจะหลุดออกได้ด้วยการขัดแรง ๆ เท่านั้น คราบพวกนี้จริง ๆ ก็คือคราบที่เห็นในแก้วกาแฟตอนแรก คราบในแก้วกาแฟตอนแรกไม่ใช่คราบกาแฟที่เพิ่งชง กาแฟดำไม่ได้ทิ้งคราบไว้บนแก้วให้เห็นได้ชัดขนาดนั้น เวลาเราเอาแก้วไปล้างเราก็คิดว่าแก้วสะอาดเอี่ยมอ่องทุกที ตอนที่เห็นคราบครั้งแรกยังคิดว่าครั้งนั้นล้างแก้วไม่สะอาด ทำให้ต้องเอาไปล้างอีกครั้ง แต่ก็พบว่าคราบยังอยู่เหมือนเดิม ถ้าดูดี ๆ จะเห็นว่าคราบสีน้ำตาลด้านในแก้วไม่ได้เรียบเนียนเสมอกัน แต่มีรอยขูดขีดไปมาเป็นเส้น เป็นรอยที่เกิดจากการลองขัดแก้วด้วยมือเปล่าและเลิกล้มไปเพราะรู้สึกว่าเสียเวลา เล็บมนุษย์มีความสามารถในการขัดคราบบนแก้วกาแฟต่ำกว่าใยขัดโง่ ๆ มาก

คราบกาแฟที่ว่าพอมาอยู่ในแก้วกาแฟที่ออกแบบมาแบบเรียบ ๆ ไม่ได้มีลวดลายอะไรก็ทำให้รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งสกปรกเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เราชอบซื้อแก้วสวย ๆ แต่แก้วพวกนั้นใช้ไปใช้มาก็เบื่อ พอเบื่อแล้วก็ไม่ค่อยอยากหยิบมาใช้เท่าไหร่ ต่างจากแก้วที่เราไม่ได้รู้สึกชอบเป็นพิเศษตั้งแต่แรก กลายเป็นว่าแก้วแบบนี้อยู่กับเรานานกว่า

ข้าวของในห้องเราตอนนี้เป็นแบบแก้วกาแฟ เป็นการออกแบบที่น่าจะเรียกว่ามินิมัล เรียบ ๆ ไม่ได้มีลวดลายอะไร ไม่ใช่ว่าเราชอบการออกแบบสไตล์นี้ เราไม่ค่อยตื่นเต้นกับการได้เห็นข้าวของที่มันเรียบง่าย แต่เราเลือกข้าวของพวกนี้เพราะมันไม่รบกวนความคิดของเรา เราไม่ชอบที่เวลามองไปทางไหนแล้วก็มีเรื่องราวอยู่เต็มไปหมด เราคิดว่าแบบนี้ดีกับเราในการสร้างสรรค์งานมากกว่า เราไม่อยากให้ความคิดและจินตนาการของเราถูกหยุดเอาไว้ด้วยเรื่องราวเก่า ๆ แต่ว่าเรากำลังคิดว่าเราอาจจะคิดผิดก็ได้

เรากลับไปอ่านเงียนเขียนของเราในช่วงที่เราเขียนนู่นเขียนนี่เยอะเป็นพิเศษ เราคิดมาตลอดว่าตัวเราในอดีตเขียนได้ดีกว่านี้ งานหลาย ๆ ชิ้นที่เราเคยคิดว่าดีพอกลับไปอ่านกลายเป็นว่าห่วยแตกเป็นบ้า งานหลายชิ้นดีกว่าที่คิด และงานบางชิ้นดีอย่างที่คิด แต่ไม่ว่าคุณภาพงานจะเป็นแบบไหนสิ่งที่มีจุดร่วมกันอย่างหนึ่งคืองานดูจะมีขอบเขตของความคิดสร้างสรรค์ที่มากกว่า เรานึกถึงประสบการณ์ของตัวเองและประสบการณ์ของศิลปินคนอื่น ๆ ที่เราอ่านเจอ ที่บอกว่าไอเดียชอบออกมาตอนทำอะไรอย่างอื่นอยู่ แต่ตอนที่พยายามเค้นไอเดียทำแทบตายยังไงก็ไม่ออกมา

บางทีการมีข้าวของที่มีเรื่องราวและความรู้สึกมากมายอยู่ในห้องอาจมีประโยชน์กับเราในฐานะศิลปินมากกว่าที่เราคิด เราว่าไอเดียคือการเอาความทรงจำมารวมเข้ากับข้อมูลใหม่ แล้วสร้างเป็นสิ่งใหม่ออกมา ปัญหาคือการมองแก้วกาแฟสีเทาอันว่างเปล่าเราเห็นเพียงแก้วสีเทาอันว่างเปล่า แต่การมองแก้วสีน้ำเงินเข้มมีลวดลายที่แม้เราจะเบื่อไปแล้ว เราเห็นทั้งร้านที่เราไปซื้อ ประโยคที่เราพูดกับคนขาย เหตุผลที่เราไปที่ร้านนั้นตั้งแต่แรก และคนที่เราไปด้วย

มีอีกอย่างที่เราคิดว่าการเลือกข้าวของที่ไม่มีเรื่องราวอาจส่งผลกับเราโดยที่เราไม่รู้ตัว นั่นคือการเลี่ยงที่จะไม่รู้สึก การเลือกข้าวของที่ไม่ได้ทำให้ตื่นเต้นตั้งแต่แรกช่วยทำให้เราไม่ต้องรู้สึกแย่เมื่อถึงเวลาที่ของชิ้นนั้นไม่ได้สร้างความสุขให้เราอีกต่อไปแล้ว เพราะเราเลี่ยงที่จะรู้สึกในเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ ทำให้เราเคยชินกับการไม่รู้สึกโดยไม่รู้ตัว และความรู้สึกนี่แหละที่สำคัญที่สุดสำหรับการเป็นนักเขียน อาจจะไม่ใช่นักเขียนทุกแบบ แต่อย่างน้อยก็สำคัญกับนักเขียนแบบที่เราอยากเป็น นักเขียนที่ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้รู้สึกหรือเป็นอะไรแบบที่เราเป็นอยู่คนเดียว

ว้าว่อนใจ

เราอยากเสนอคำศัพท์ใหม่ว่า ‘ว้าว่อนใจ’ เป็นภาวะความว้าวุ่นในจิตใจ ซึ่งนำไปสู่การทำกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อหวังจะให้ความว้าวุ่นหายไป แต่กลับยิ่งทำให้ความว้าวุ่นใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คำนี้ต่างจากว้าวุ่นตรงที่สื่อความหมายถึงการทำอะไรอื่น ๆ ด้วยความว้าวุ่นไปด้วย จริง ๆ แล้วอยากเรียกคำนี้ว่าว้าว่อนแต่ดูเหมือนว่าคำนี้จะมีความหมายอยู่แล้ว แปลว่าเกลื่อนกล่นอยู่ในอากาศ

“เมื่อวันก่อนเราตื่นสายมากจนไม่ได้เขียนหนังสือตั้งแต่เช้าตามที่ตั้งใจไว้ พอไม่ได้ทำสิ่งสำคัญที่สุดก็กลายเป็นว่าทำอะไรด้วยความว้าว่อนใจไปทั้งวัน”