Money Well Spent: เงินซักผ้ารอบสอง

อาทิตย์ก่อนมีเหตุการณ์ที่ค่อนข้างแปลกประหลาดเกิดขึ้นระหว่างการซักผ้าของเรา ปกติเวลาซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ เราจะลงไปเปิดฝาเครื่องซักผ้าทิ้งไว้ เดินขึ้นมาล้างมือ แล้วค่อยลงไปเอาผ้า เพราะเราคิดว่าฝาเครื่องซักผ้าสกปรก คนที่เอาผ้ามาซักต้องจับผ้าใช้แล้วของตัวเอง แล้วก็มาจับเครื่องซักผ้า ถ้าเปิดฝาทิ้งไว้ก็จะได้หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาได้เลย ไม่ต้องไปจับเครื่องซักผ้าอีก

ถึงจะบอกว่าเปิดฝาทิ้งไว้ก็เถอะ แต่ระยะเวลาระหว่างที่เราขึ้นมาล้างมือแล้วลงไปใหม่ยังไงก็ไม่เกินสามนาทีแน่นอน ที่ผ่านมาก็ใช้วิธีนี้มาตลอด แต่ว่าครั้งนี้พอลงไปกลับมีผู้หญิงรูปร่างอ้วนผิวคล้ำชะโงกหน้าดูผ้าของเราในเครื่องซักผ้าอยู่!

ด้วยความต้องการปกป้องผ้าสะอาดของตัวเองเราจึงรีบเดินไปที่เครื่องซักผ้าที่เราเปิดฝาทิ้งไว้ ผู้หญิงคนนั้นหันมามองเรา แล้วก็พูดว่า “ทำไมผ้าน้อยจัง”

ผู้หญิงคนนั้นหันกลับไปที่เครื่องซักผ้าแล้วใช้มือดึงถาดผงซักฟอกออกมา แล้วก็พูดว่า “ผงซักฟอกมันไม่ลงไป” ระหว่างนี้น้ำผงซักฟอกที่ค้างอยู่ในถาดผงซักฟอกก็ไหลลงมาโดนผ้าที่ซักเสร็จแล้วของเรา…

“แล้วนี่จะทำยังไงต่อ” ผู้หญิงคนนั้นถามเรา

เราที่กำลังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอบกลับไปว่า “เดี๋ยวผมซักใหม่ละกัน” แล้วก็รีบเดินขึ้นมาหยิบเหรียญใหม่ หยิบผงซักฟอกใหม่ รีบกลับลงไปซักผ้าอีกรอบ เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้

ระหว่างรอซักผ้ารอบสองเรานั่งฟัง Podcast ที่โหลดมาใหม่ แต่ว่าฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เพราะในใจคิดถึงแต่เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ผู้หญิงคนนั้นทำทั้งหมดนั่นเพื่ออะไร? อยากใช้เครื่องซักผ้าต่อแล้วไม่แน่ใจว่าผ้าในเครื่องคือซักผ้าคือผ้าที่ซักเสร็จแล้วหรือยังก็เลยเปิดถาดผงซักฟอกดูหรอ แต่ว่ามีเครื่องซักผ้าอีกเกือบสิบเครื่องที่ยังว่างเลยนะ หรือว่าเป็นโจรขโมยผ้าที่โดนจับได้พอดี หรือว่าเป็นคนชอบยุ่งกับเครื่องซักผ้าของคนอื่น หรือว่าเป็นคนเพี้ยนๆ เราพยายามหาเหตุผลที่จะทำให้ตัวเองไม่โกรธผู้หญิงคนนี้

พอครบเวลาเราก็ลงไปเอาผ้า เจอผู้หญิงคนนั้นกำลังเอาผ้าของตัวเองออกจากเครื่องซักผ้าอยู่เหมือนกัน พอเห็นเราก็ชวนเราคุย ถามว่า “เสร็จหรือยังล่ะ” ตอนแรกเราไม่ตอบอะไรกลับไป แต่สุดท้ายก็ตอบไปว่า “ยังครับ” เพราะไม่อยากจะทำเรื่องเสียมารยาท เพราะตัวเองก็ยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นรู้หรือเปล่าว่าทำอะไร รู้หรือเปล่าว่าตัวเองควรจะรับผิดชอบ

หลังจากตากผ้าเสร็จ หลังจากกลับไปใช้ชีวิตตามปกติต่อได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร นอกจากเวลาที่หายไปประมาณหนึ่งชั่วโมงและเงินอีกนิดหน่อย เราถึงเพิ่งคิดได้ว่าจริงๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผลของผู้หญิงคนนั้นในการที่เราจะไม่โกรธ

นี่ถือเป็นสิ่งใหม่สำหรับเรา ซึ่งเราคิดว่าอาจเป็นผลมาจากการทำสมาธิทุกวันเป็นเวลาเดือนกว่า ซึ่งส่งผลให้เราตัดสินใจแก้ปัญหาได้อย่างใจเย็นขึ้น และพอเหตุการณ์ผ่านมาแล้วก็มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

จริงๆ แล้วความคิดทำนองนี้พระพุทธศาสนาพยายามบอกกับเรามาตลอด แต่เราก็ไม่เคยคิดว่ามันเป็นความคิดที่เข้าท่าเท่าไหร่ ถ้ามีคนมาทำร้ายเรา จะไม่ให้โกรธได้ยังไง เราคิดว่าเหตุผลที่เราไม่เคยชอบแนวคิดของพุทธที่เราเคยได้รู้มาก็เพราะพระพุทธศาสนาในไทยเกี่ยวโยงกับความดีงามมากเกินไป การไม่โกรธหมายถึงการเป็นคนมีเมตตา เป็นคนมีรัศมีความดีงามแผ่ออกมา เราไม่ใช่คนแบบนั้น และเราก็ไม่ชอบคบกับคนแบบนั้นเท่าไหร่

การที่เราบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผลของผู้หญิงคนนั้นในการไม่โกรธห่างไกลจากการเป็นคนดีมาก เราแค่คิดว่าการไม่โกรธดีกับเราที่สุด และเราไม่ได้รู้สึกเห็นใจหรือเข้าใจอะไรคนที่ทำให้เราต้องมาซักผ้ารอบสอง ถ้าเราไม่โกรธเราก็เสียแค่เงินกับเวลา แล้วเราก็กลับไปใช้ชีวิตปกติต่อได้ทันที

จริงๆ มันอาจไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่เราเริ่มมาทำสมาธิทุกวันก็ได้ แต่ถ้ามันเกี่ยวก็ถือเป็นการจ่ายเงินเพื่อทดสอบในสิ่งที่ตัวเองฝึกมาเป็นเวลาเดือนกว่าๆ ได้ดีมาก รู้สึกดีที่เทคโนโลยีทำให้การทำสมาธิกลายเป็นสิ่งที่อยู่ในแอป เอากรอบของความดีงามต่างๆ ที่ผูกติดอยู่กับการฝึกสิ่งที่มีประโยชน์ในชีวิตมากอย่างการฝึกสติออกไป และทำให้เรารู้สึกถึงประโยชน์ของหลักปฏิบัติทางศาสนาที่มีต่อชีวิตของตัวเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องรับเอาความคิดและความเชื่อที่ตัวเองไม่เห็นด้วย หรือยังไม่แน่ใจว่าจะเห็นด้วยดีหรือเปล่า

Share:

Leave a Reply