Money Well Spent: WH-1000XM4

หูฟังแบบที่เราใช้มาตลอดเป็นหูฟังที่เรียกว่า Earbud หูฟังยุคโบราณที่วิธีใส่คือหย่อนลงไปที่ช่องหู ไม่ใช่เสียบเข้าไปข้างในแบบหูฟังสมัยนี้ เราไม่ใช้หูฟังแบบครอบหูเพราะเมื่อก่อนเดินทางบ่อย ก็เลยเลือกหูฟังที่สามารถพกพาได้ง่าย เสียงดี ช่วงราคาอยู่ในระยะที่เวลาใช้เสร็จก็โยนใส่กระเป๋าแบบไม่ต้องคิดอะไร ถ้าเสียหรือหายไปก็ซื้อใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องเสีดาย ตอนนี้เราเดินทางน้อยลง และเป็นคนที่ต้องการความเงียบในการทำอะไรต่างๆ มากขึ้น ก็เลยเลือก WH-1000XM4 ที่เป็นหูฟังตัดเสียงรบกวนจาก Sony เพราะคิดว่าน่าจะลดความหงุดหงิดรำคาญใจจากเสียงที่ไม่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลงจากละแวกใกล้เคียง เสียงหัวเราะอันชั่วร้ายจากห้องข้างๆ หรือเสียงประกาศของรถขายผลไม้

ความประทับใจแรกของเราต่อ XM4 ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เรารู้สึกว่าหูฟังราคาเป็นหมื่นอันนี้เสียงดีน้อยกว่าหูฟังราคาพันต้นๆ ที่เราใช้อยู่แบบเห็นได้ชัดเลย จริงๆ ด้วยราคาขนาดนี้มันไม่น่าจะเป็นแบบนั้น เป็นไปได้ว่าสิ่งที่เราไม่ชอบคือสไตล์ของเสียงที่ออกมา แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมคือเราจ่ายเงินเพิ่มเป็นสิบเท่าเพื่อให้ได้หูฟังที่เราชอบน้อยลง

ความไม่ประทับใจอีกอย่างก็คือการตัดเสียงรบกวนของตัวหูฟังจะใช้เทคโนโลยีในการสร้างเสียงรบกวนขึ้นมาอีกที เพื่อกลบเสียงภายนอกออกไป เวลาดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ก็จะไม่ได้ยินทั้งเสียงภายนอกและเสียงที่หูฟังสร้างขึ้นมา แต่บางครั้งเวลาหนังมีฉากที่เงียบมากๆ ก็จะได้ยินเสียงที่หูฟังสร้างขึ้นมาเหมือนกัน เราอยากได้ความเงียบจริงๆ ไม่ใช่ความเงียบที่ได้มาจากเสียงรบกวนอีกแบบอย่างนี้

หลังจากที่ความไม่ประทับใจเมื่อแรกพบผ่านไปเรากลับชอบหูฟังอันใหม่นี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสิ่งที่เราได้กลับมาคือความอิสระที่มากขึ้น ก่อนหน้านี้เวลาตั้งใจจะทำอะไร หลายๆ ครั้งก็ต้องเปลี่ยนแผน ดูหนังอยู่แล้วต้องหยุดกะทันหันเพราะในขณะที่อยู่ในฉากสะเทือนอารมณ์ก็มีเสียงหัวเราะอย่างไม่เกรงใจใครของหญิงอ้วนจากห้องข้างๆ ดังขึ้นมา หลายๆ ครั้งต้องจัดตารางเวลาของตัวเองให้อะไรๆ ที่จำเป็นต้องใช้สมาธิไปอยู่ตอนกลางคืน เพราะเป็นช่วงเวลาที่แน่ใจว่าจะไม่ได้ยินเสียงเพลงที่ไม่อยากได้ยินแม้คนเปิดจะอยากแบ่งปัน หรือเสียงประกาศขายลำไยและทุเรียนที่ไม่ได้อยากซื้อ แต่การมาถึงของหูฟังอันนี้และโหมด Noise Cancelling ทำให้เรากำหนดชีวิตตัวเองได้แบบที่ต้องการจริงๆ เพราะเวลาที่ใส่หูฟังอยู่เราไม่รับรู้ถึงเสียงรบกวนต่างๆ เหล่านี้เลย

จริงๆ แล้วหูฟังอันนี้ไม่ได้ลบเสียงรบกวนออกไปได้สมบูรณ์แบบ ถ้าตั้งใจฟังจริงๆ ก็จะยังได้ยินอยู่บ้าง แต่เวลาที่ใจจดจ่ออยู่กับอะไรตรงหน้าก็เรียกว่าได้ความเป็นส่วนตัวกลับมาอย่างแท้จริง จนทำให้ความไม่ประทับใจเรื่องคุณภาพเสียงและเสียงฮัมที่หูฟังสร้างขึ้นมากลายเป็นเรื่องเล็กๆ ไปเลย เสียงที่หูฟังจัดการไม่ได้จริงๆ ก็คงเป็นเสียงประกาศของรถขายผลไม้ที่เป็นเสียงในย่านความถี่ที่เทคโนโลยี Noise Cancelling จัดการได้ไม่ดีนัก แถมรถขายผลไม้ก็มักจะเปิดเสียงดังมากๆ ด้วย แต่อย่างน้อยก็ยังลดระดับเสียงประกาศชื่อผลไม้ที่ได้ยินรวมถึงลดระดับความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นลงไปด้วย

ความสะดวกอีกอย่างที่ได้มาก็คือการที่เราได้ลดความไม่สะดวกเรื่องความสกปรกของหูฟังลง เราเป็นคนที่ขี้หูเยอะมาก มากแบบที่คนปกติไม่อาจจินตนาการได้ หมอหูบางคนที่เราไปหาเวลาที่หูเราฟังเสียงไม่ถนัดเพราะมันอุดตันก็ยังโทษว่าเป็นเพราะเราเอาไม้พันสำลีปั่นหู ทั้งๆ ที่เราเลิกใช้ไปนานแล้ว สุดท้ายเรามาจบที่การปั่นทำความสะอาดหูทุกอาทิตย์ เพื่อลดโอกาสที่การปั่นหูจะไปทำให้ขี้หูอุดตันลง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยกำจัดออกไม่ให้มันมากเกินไปด้วย ปัญหาก็คือในระหว่างอาทิตย์ขี้หูก็ค่อยๆ สร้างขึ้นมา เวลาใส่หูฟังแบบธรรมดาหูฟังก็มักจะติดขี้หูมาด้วย ต้องมาคอยเช็ดออก ทำให้เสียเวลามาก พอมาใส่หูฟังแบบครอบหูก็ไม่ต้องมาเสียเวลากับเรื่องนี้อีกต่อไป เพราะตัวหูฟังไม่ได้มีส่วนไหนที่สัมผัสกับช่องหูโดยตรง

ยังมีฟังก์ชันอีกหลายอย่างที่ XM4 ช่วยสร้างความสะดวกสบายให้ อย่างเช่นการที่มันเป็นหูฟัง Bluetooth ทำให้ไม่ต้องต่อและพกพาสายให้วุ่นวาย แต่เราไม่ขอพูดถึง เพราะความประทับใจจริงๆ ที่เรามีต่อหูฟังอันนี้ก็คือเรื่องความสงบในชีวิตที่ได้กลับคืนมา

เรื่องสุดท้ายที่อยากพูดถึงก็คือช่วงที่เรามีปัญหากับเสียงรบกวนจากห้องข้างๆ เราเริ่มหาวิธีที่จะไม่สร้างเสียงรบกวนให้ห้องอื่นด้วย เราสงสัยว่าเวลาที่เราเล่นเกมเราอาจจะสร้างเสียงรบกวนให้กับเพื่อนข้างห้องมาตลอดก็ได้ เราก็เลยหันมาใส่หูฟังเวลาเล่นเกม ทีนี้เวลาเล่นเกมช่วงเวลาที่ใช้มันค่อนข้างนานกว่าการดูหนังหรือฟังเพลงมาก เราก็เลยกลัวว่ามันจะไม่ดีต่อหู ซึ่งสุดท้ายเรายังคงไม่ได้คำตอบว่าการใส่หูฟังเล่นเกมนานขนาดนั้นในระยะยาวจะส่งผลอะไรต่อการได้ยินหรือเปล่า แต่สิ่งที่เราได้กลับมาก็คือความรู้ที่ต่างไปจากสิ่งที่เราคิดตั้งแต่แรก

เราคิดว่าหูฟังแบบครอบหูมันต้องไม่ดีต่อหูแน่ๆ เพราะมันดูเหมือนกับการเอาลำโพงอันใหญ่ๆ ไปจ่อหูเลย แต่กลายเป็นว่าหูฟังแบบครอบหูเนี่ยแหล่งกำเนิดเสียงมันค่อนข้างอยู่ไกลจากหูก็เลยน่าจะดีต่อหูมากกว่า แล้วอีกอย่างก็คือการที่มันครอบหูทำให้เราได้ยินเสียงได้ชัดขึ้นโดยใช้ระดับเสียงที่ลดลง ก็เลยดีต่อหูมากกว่าการที่เราต้องเร่งเสียงดังในหูฟังแบบปกติเพื่อให้ได้ยินชัดขึ้น

Share:

Leave a Reply