ขอต้อนรับทุกท่านสู่ความแรนด้อม (และการมองตัวเองผ่านกล้องวงจรปิด)

IMG_3520
รูปจากทางไปห้องน้ำร้าน Happy Bar ถนนข้าวสาร

จริงๆ โพสต์แรกของบล็อกนี้ควรจะเป็น Random Wisdoms รายการพ็อดคาสท์แนวสัมภาษณ์คน ซึ่งเป็นข้ออ้างให้ตัวเองในการออกไปคุยกับคนในเรื่องที่เราสนใจ และทำอีกสิ่งนึงที่จุดประกายเราในบ่ายวันหนึ่งขณะอ่านนิตยสาร Way แต่เพราะความไม่พร้อมหลายอย่างเลยต้องเลื่อนไปก่อน

เรื่องที่อ่านเจอวันนั้นเป็นเรื่องปัญหาของรัฐบาลตอนนั้น (น่าจะเป็นของจอมพลป.) ว่าจะทำยังไงไม่ให้คนจีนแย่งเงินคนไทยไปหมด เพราะคนจีนค้าขายเก่งเหลือเกิน และก็ขยันมากๆ ด้วย ซึ่งคำตอบของรัฐบาลในตอนนั้นคือการยอมรับความจริงข้อนี้และแก้ปัญหาด้วยการทำให้คนจีนเป็นคนไทยซะ ส่งเสริมให้คนจีนแต่งงานกับคนไทย มีลูกหลานเป็นคนไทย และสุดท้ายกลายเป็นคนไทยในที่สุด นี่เป็นวิธีคิดที่ทำให้เราปิดนิตยสารและทบทวนความคิดตัวเอง ว่าเราไม่มีทางคิดได้แบบนี้เลย ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเค้าเก่งจัง ซึ่งที่ผ่านมาเรารู้สึกแบบนี้กับคนไทยไม่มากนัก พอนึกถึงคนเก่งๆ ภาพคนจากโลกตะวันตกก็เข้ามาในหัวมากกว่า พอนึกถึงคนสำคัญๆ ในไทยก็นึกถึงคาบเรียนน่าเบื่อที่ถูกบังคับให้เรียนผลงานของคนนั้น คนนี้ โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าดียังไง คือถูกบังคับให้เรียนกลอนสุนทรภู่ แต่ไม่เคยได้คิดว่าจะเขียนกลอนให้ได้แบบสุนทรภู่หรือดีกว่าได้ยังไง เราเกิดความคิดว่าอยากมีที่ที่รวบรวมความรู้จากคนของเรา บรรพบุรุษของเรา

แต่ว่าสิ่งนั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้น ปัญหาของเราคือเราเป็นคนชอบและสนใจอะไรหลายอย่าง เราไม่สามารถอยู่กับอะไรได้นานขนาดนั้น ความคิดที่ว่าจะต้องทำสิ่งเดียวไปทั้งชีวิตทำให้เรารู้สึกอึดอัด เราสนุกกับหลายๆ สิ่ง แล้วก็ขยับไปทำสิ่งต่อไป

หนึ่งในสิ่งที่สนุกก็คือการจดโดเมนเว็บไซต์เป็นชื่อตัวเอง ซึ่งก็จดค้างเอาไว้แบบนั้น ไม่ได้เอาไปทำอะไรจริงๆ เวลามีเรื่องอะไรอยากเขียนก็เขียนลง Facebook หมด มีคนเห็นมากกว่า ง่ายกว่า

แต่เพราะรายการ Random Wisdoms ที่ตั้งใจจะทำอย่างจริงจังในปีนี้ ทำให้ต้องมีพื้นที่สำหรับเขียนที่คนจะย้อนกลับมาดูได้โดยสะดวก ก็เลยบังคับให้ต้องกลับมาทำเว็บ พอคิดว่าเว็บจะเกี่ยวกับอะไร แล้วความรู้สึกอึดอัดก็กลับมาอีก

อาจเป็นเพราะคนที่พบในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาที่ทำให้เราพบว่าเราเจอคนแบบนี้ คนที่เราชอบมากๆ เพราะเราเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้พยายามเป็นคนในแบบที่เราควรเป็น ในเมื่อความเป็นตัวเองพาเรามาสู่จุดนี้ เราก็ไม่น่าจะต้องพยายามเป็นอะไรให้เหนื่อย

ชื่อ pawitsommai.com ที่จดเอาไว้เฉยๆ เลยถูกเอามาใช้ และต่อจากนี้ในบล็อกก็จะเต็มไปด้วยเรื่องที่เราสนใจ ตั้งแต่การชงกาแฟ ทำอาหาร การวาดรูป ท่านั่งส้วมที่ถูกวิธี การพ่นควันบุหรี่เป็นวงกลม นั่งสมาธิ การใช้ชีวิตอย่างป่าเถื่อน ตกหลุมรัก การนอน ความขี้เกียจ ความขยัน หมา และอื่นๆ อีกมากตามแต่ชีวิตจะพาไป

ถ้าจะจัดหมวดหมู่บล็อกนี้ได้อยู่บ้างก็คงเป็น non-fiction คือปกติเราเขียนทั้งเรื่องแต่งและเรื่องจริง ซึ่งเป็นปกติของพวกชอบเพ้อฝันที่ใช้ชีวิตครึ่งนึงอยู่ในจินตนาการ แต่บล็อกนี้จะเขียนแต่เรื่องจริง และตั้งใจให้ทุกสิ่งที่เขียนสามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไร หรือแรนด้อมแค่ไหนก็ตาม เรื่องเพ้อฝันก็คงจะเขียนต่อไป ในไดอารี่ บน Facebook ผนังห้องน้ำ ที่ไหนสักแห่ง แต่ไม่ใช่ที่นี่

และถ้าจะจบโพสต์แรกโดยที่ไม่ทิ้งอะไรให้เอาไว้ใช้ได้เลยก็คงเป็นการทำลายสิ่งที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่โพสต์แรก และเราจะไม่ทำแบบนั้น

เรื่องนี้เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามีปัญหามาตลอด เพราะความไม่รักตัวเอง เพราะอะไรหลายอย่างที่ทำให้เราเรียกร้องความรักเอาจากคนอื่น สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาและเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์คือเราเอาความคิดไปปนกับความรู้สึก กับความจริง

เราอาจนัดใครบางคนไว้ แล้วโดนยกเลิกนัด เราโกรธ เพราะเรารู้สึกว่าเค้าไม่ให้ความสำคัญ แต่เค้าไม่ให้ความสำคัญไม่ใช่ความรู้สึก เป็นความคิด เป็นสิ่งที่เราเชื่อ และมันอาจจะไม่จริงก็ได้ ความคิดทำให้เรารู้สึกโกรธ ถ้าเรารู้ว่าเค้ายกเลิกนัดเพราะใครบางคนที่บ้านป่วยหนักและต้องอยู่ดูแล เราก็คงไม่โกรธ จริงมั๊ย?

วิธีที่ดีในการแยกความคิดออกจากความจริงก็คือให้บรรยายสถานการณ์เหมือนกับเราดูจากกล้องวงจรปิด กล้องวงจรปิดจะไม่บอกว่าคนๆ นั้นโกรธเพราะใครบางคนไม่ให้ความสำคัญ กล้องวงจรปิดบอกได้แค่ว่าใครคนนั้นกำลังโกรธ บอกได้แค่ความจริง ถ้าเราเริ่มมองสิ่งที่เกิดขึ้นได้แบบเป็นกลางจริงๆ จากนั้นเราค่อยมาจัดการกับความรู้สึกตัวเองว่าเราเป็นแบบนั้นเพราะอะไร จะเป็นวิธีจัดการกับความรู้สึกที่ดีกว่า เพราะบางทีเราอาจทำร้ายตัวเองและความสัมพันธ์ด้วยเรื่องที่ไม่เคยมีอยู่จริงเลย

Share:

Leave a Reply